กรุงเทพฯ 23 ธ.ค. – กระทรวงพลังงานมอบของขวัญปีใหม่คนไทย พร้อมประกาศ ปี 2565 มุ่งขับเคลื่อนแผนพลังงานภายใต้มิติ “Callaboration foe change : C4C ก้าวสู่ยุคพลังงานสะอาด
นายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคม เปิดเผยว่า กระทรวงพลังงาน และหน่วยงานในการกำกับดูแลได้มอบของขวัญปีใหม่ให้แก่ประชาชนทุกคนใช้ช่วงเทศกาลปีใหม่ ด้วยการตรึงราคาน้ำมันทุกชนิดตลอด 11 วัน ระหว่างวันที่ 25 ธันวาคม 2564-วันที่ 4 มกราคม 2565 (เฉพาะสถานีบริการของ PTT Station) ตรึงราคาน้ำมันดีเซลไม่เกิน 30 บาทต่อลิตรถึงสิ้นเดือนมีนาคม 2565 ขยายส่วนลด LPG จำนวน 100 บาทต่อคนต่อเดือนจนถึง 31 มกราคม 2565 ควบคู่ไปกับการตรึงราคา LPG อยู่ที่ 318 บาท/ถัง 15 กิโลกรัม จนถึง 31 มกราคม 2565 ตรึงราคา NGV อยู่ที่ 15.59 บาท/กก. จนถึง 15 กุมภาพันธ์ 2565 ขณะเดียวกัน ยังแจกคูปองส่วนลดอุปกรณ์ไฟฟ้าเบอร์ 5 มูลค่า 500 บาท จำนวน 10,000 สิทธิ์ และส่วนลด 50% สำหรับเลือกซื้อสินค้าชุมชน และที่พักบนเขื่อนของการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย
ส่วนในปี 2565 กระทรวงพลังงานประกาศมุ่งกำหนดทิศทางแผนการดำเนินงานภายใต้มิติ Callaboration foe change : C4C ก้าวสู้ยุคพลังงานสะอาด จับมือพันธมิตรเพื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทย โดยจะมุ่งเน้นการปรับบทบาทองค์การ เพื่อก้าวสู่ยุค Energy Transition ปลดล็อคกฏระเบียบ และจับมือทุกภาคส่วนเพื่อขับเคลื่อนการพัฒนาที่สำคัญ 3 ด้านคือ 1.ด้านพลังงานสร้างความมั่นคงสู่เป้าหมายสังคมคาร์บอนต่ำ อาทิ การจัดทำแผนพลังวานแห่งชาติ ที่คำนึงถึงพลังงานสะอาดและการนำเทคโนโลยีมาใช้ เข่น การขับเคลื่อน Grid Modernization สมาร์ทกริด ปลดล็อคกฎระเบียบการซื้อขายไฟฟ้าสะอาด และบริหารจัดการก๊าซธรรมชาติให้เพียงพอต่อความต้องการใช้ในประเทศ
2.ด้านพลังงานเสริมสร้างเศรษฐกิจ อาทิ จับเคลื่อนการลงทุนโครงการประกอบกิจการปิโตรเลียม ซึ่งคาดว่าจะสร้างรายได้ 44,300 บ้านบาท กำหนดโครงสร้างราคาน้ำมันและสัดส่วนการผสมเชื้อเพลิงขีวภาพให้มีความเหมาะสมเป็นธรรม และเกิดประโยชน์ต่อทุกฝ่ายในระดับที่เหมาะสม ส่งเสริมการลงทุนปิโตรเคมี ระยะ 4 ใน EEC กำหนดทิศทางการขยายการลงทุนปิโตรเคมีกระตุ้นเศรษฐกิจหลังวิกฤตโควิด-19 เพื่อให้เกิดเม็ดเงินลงทุนในปี 2565-2569 กว่า 2-3 แสนล้านบาท ส่งเสริมลงทุนต่อเนื่องโครงสร้างพื้นฐานด้านพลังงานมูลค่า 143,000 ล้านบาท ส่งเสริมการลงทุน EV Charging Station และยานยนต์ไฟฟ้าและเร่งพัฒนาระบบไฟฟ้าเพื่อรองรับการขยายตัวของการใช้ยานยนต์ไฟฟ้าในอนาคต ขยายผลการลงทุนพลังงานสะอาดทุกรูปแบบ ส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงานและพลังงานทดแทนผ่านกองทุนอนุรักษ์ฯปี 2565 วงเงินกว่า 1,800 ช้านบาท และ3.ด้านพลังงานลดความเหลื่อมล้ำอละสร้างคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น เดินหน้ากระจายเม็ดเงินลงทุนสู่ชุมชน 76 จังหวัดทั่วประเทศ เพื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจฐานราก เพื่อส่งเสริมการใช้เทคโนโลยีพลังงานลดต้นทุนการผลิต สร้างมูลค่าเพิ่มผลิตภัณฑ์ชุมชน พัฒนาคุณภาพชีวิตชุมชน พร้อมขับเคลื่อนโครงการโรงไฟฟ้าชุมชนระยะที่ 1 และเตรียมพร้อมการขยายผลโรงไฟฟ้าชุมชนระยะที่ 2
ส่วนผลการดำเนินงานในปี 2564 ที่ผ่านมาได้เดินหน้าสร้างความมั่นคงทางพลังงาน เป็นฟันเฟืองขับเคลื่อนเศรษฐกิจคู่ขนานกับการช่วยเหลือสังคมบรรเทาผลกระทบจากโควิด-19 ภายใต้ความร่วมมือของหน่วยงานในสังกัด อาทิ จัดทำแผนพลังงานแห่งชาติ มุ่งสู่เป้าหมายลดก๊าซคาร์บอน/ดออกไซน์เป็นศูนย์ภายในปี ค.ศ.2050 ปรับโครงสร้างอัตราค่าไฟฟ้าของประเทศไทย ภายในปี 2564-2568 ให้สะท้อนต้นทุนอย่างเหมาะสม รวมถึงผลักดันให้เกิดเม็ดเงินลงทุนในระบบเศรษฐกิจกว่า 205,000 ล้านบาท
นอกจากนี้ยังช่วยลดภาระค่าใช้จ่ายด้านพลังงานช่วงสถานการณ์โควิด-19 ของประชาชนและภาคธรกิจกว่า 97,113 ล้านบาท ภายใต้มาตการ ลดค่าไฟฟ้าครัวเรือ-กิจการตรึงราคา FT ตลอดปี 2564 ตรึงราคาขายปลีก LPG เป็นต้น.-สำนักข่าวไทย