ตาก 17 ธ.ค. – ชาวเมียนมายังคงอพยพหนีทะลักเข้าไทย หลังทหารเมียนมากับกองกำลังกะเหรี่ยงเคเอ็นยู ยังปะทะกันอย่างต่อเนื่อง สถานการณ์ยังไม่น่าไว้วางใจ ล่าสุดเช้านี้เปิดฉากยิงอาวุธหนักกันอีกรอบ
นี่เป็นภาพการอพยพของชาวเมียนมากว่า 2,500 คน ที่หนีภัยการสู้รบระหว่างทหารรัฐบาลเมียนมากับทหารกองกำลังกะเหรี่ยงเคเอ็นยู ที่เปิดฉากการยิงปะทะกันอย่างหนักด้วยอาวุธปืนเล็กยาวประจำกายและเครื่องยิงลูกระเบิดหลายขนาด ซึ่งเป็นการยิงปะทะกันอย่างดุเดือด ตลอดวานนี้ เสียงปืนสงบลงชั่วคราวเมื่อเวลาเที่ยงคืน ชาวบ้านในหมู่บ้านซึ่งเป็นจุดกระสุนตกในประเทศฝั่งเมียนมา ทั้งเด็กเล็ก ผู้หญิงและผู้สูงอายุต้องทิ้งบ้านเรือนรีบวิ่งหนีกระสุนปืนของทั้งสองฝ่าย ขอข้ามแม่น้ำเมย หนีตายมาหลบหนีภัยสงครามชั่วคราวในเขตชายแดน อ.แม่สอด กันแบบโกลาหล
นอกจากชาวเมียนมายังมีคนไทยที่ทำงานในฝั่งเมียนมาอีกจำนวน 56 คน หลบหนีตายเข้ามาด้วย เจ้าหน้าที่ได้นำตัวคนไทยไปกักตัวที่สถานที่กักตัวของรัฐในตัวเมืองแม่สอด เพื่อตรวจหาเชื้อโควิด-19 ส่วนชาวเมียนมาทั้งหมด เจ้าหน้าที่นำตัวไปรวมกันอยู่ในพื้นที่รองรับผู้หนีภัยสงครามชั่วคราวที่บริเวณสนามฟุตบอลของโรงเรียนบ้านชุมชนบ้านแม่ตาวกลาง เป็นพื้นที่ปลอดภัยและอยู่ห่างจุดแนวชายแดนไปกว่า 6 กิโลเมตร โดยเจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นอำเภอแม่สอดและภาคเอกชนได้นำสิ่งของจำเป็นทั้งเครื่องนุ่งห่มกันหนาวและกางเต็นท์ให้ผู้หนีภัยสงครามได้นอนพักอาศัยเป็นการช่วยเหลือทางด้านมนุษย์ธรรมเบื้องต้น มีการเปิดโรงประกอบอาหารชั่วคราว ท่ามกลางมาตรการทางด้านสาธารณสุขในเรื่องการป้องกันโควิดที่อาจจะมากับผู้หนีภัยการสู้รบได้
ล่าสุดเมื่อเวลา 10.00 น. กองกำลังทหารทั้งสองฝ่ายได้เปิดฉากใช้อาวุธหนักหลายชนิดระดมยิงใส่กันและเป้าหมายพลาดตกใส่บ้านพลเรือนและมีรายงานมีชาวบ้านในฝั่งเมียนมาในจุดปะทะถูกลูกหลงได้รับบาดเจ็บหลายราย และทำให้มีชาวเมียนมาอพยพหนีตายข้ามแม่น้ำเมยเข้ามาฝั่งไทยเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ฝั่งไทยได้เข้าตรึงกำลังตลอดแนวชายแดนและห้ามชาวบ้านเข้าไปในพื้นที่ใกล้จุดแนวปะทะบริเวณจุดเสี่ยงอย่างเด็ดขาด หลังเมื่อวานมีกระสุนปืน ค.81 มม. ลอยข้ามมา ตกกลางไร่อ้อยฝั่งประเทศไทย แต่ไม่มีใครได้รับบาดเจ็บ . – สำนักข่าวไทย