กทม. 13 ธ.ค. – ผบช.สตม.ยันตำรวจ สน.หัวหมาก ไม่ได้บกพร่องหรือปล่อยปละละเลยให้มีสถานบันเทิงเถื่อนเกิดขึ้นในท้องที่ หลังจับปาร์ตี้ผิวสี เมื่อคืนที่ผ่านมา
พล.ต.ท.ภาคภูมิภิภัทฒ์ สัจจพันธุ์ ผู้บัญชาการสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง แถลงผลการจับกุมกลุ่มคนต่างด้าวชาวแอฟริกันและหญิงไทย ลักลอบจัดปาร์ตี้ในบาร์แห่งหนึ่ง ย่านรามคำแหง เมื่อคืนที่ผ่านมา หลังสืบทราบว่า กลุ่มชาวต่างชาติมักรวมตัวผ่าน Social Media ดื่มสุรา และสังสรรค์ โดยมีหญิงไทยร่วมด้วย อาทิ ชาวไนจีเรีย คองโก แคเมอรูน อีกจำนวนหนึ่ง และหญิงไทย รวม 45 คน จากการตรวจสอบพบว่า บางคนไม่พบหนังสือเดินทาง 15 ราย มีหนังสือเดินทาง แต่ไม่มีตราประทับจากช่องทางด่านตรวจคนเข้าเมือง
เบื้องต้นถูกตั้งข้อหาเป็นต่างด้าวเข้าเมืองโดยผิดกฎหมาย และไม่ผ่านการตรวจของเจ้าหน้าที่ตามกฎหมาย นอกจากนี้ ยังพบ น.ส.ดา (นามสมมติ) หญิงไทย แสดงตนเป็นเจ้าของร้าน อ้างว่าเช่าช่วงร้านต่อจากเจ้าของเดิมที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของโควิค-19 จนต้องปิดร้าน จึงมาเปิดกิจการต่อ โดยนัดรวมกลุ่มลูกค้าชาวแอฟริกันมานานกว่า 1 เดือน ตำรวจจึงดำเนินคดีกับ น.ส.ดา ในข้อหา จำหน่ายสุราโดยไม่ได้รับอนุญาต และจำหน่ายอาหาร เครื่องดื่ม โดยไม่ผ่านมาตรฐานความปลอดภัยด้านสุขอนามัย (SHA) และจำหน่ายสุราเกินเวลา
ผู้บัญชาการสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง ยืนยันว่า การเข้าจับกุมสถานบันเทิงแห่งนี้ ตำรวจท่องเที่ยวไม่ได้บกพร่อง รวมทั้ง สน.หัวหมาก ทุกหน่วยงาน บูรณาการทำงานร่วมกัน เป็นไปตามนโยบายของรัฐบาลและสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ที่กำชับให้ปราบปรามและเฝ้าระวังการแพร่ระบาดของโควิค-19 สายพันธุ์ใหม่โอไมครอน ยอมรับว่าอาจมีบางครั้งที่เล็ดลอดไปบ้าง แต่เชื่อว่าทุกหน่วยไม่กล้าท้าทายอำนาจของผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติที่ได้สั่งการไปแล้วก่อนหน้านี้อย่างชัดเจน
ด้าน พล.ต.ต.อาชยน ไกรทอง รองผู้บัญชาการตำรวจตรวจคนเข้าเมือง ระบุว่า ผลการตรวจหาสารเสพติด ทั้ง 45 คนไม่พบสารเสพติด ส่วนการตรวจโควิด-19 ด้วย ATK เป็นลบทั้งหมด หลังจากนี้จะเร่งรัดดำเนินการขยายผลชาวแอฟริกัน 15 คนที่ไม่พบเอกสารการเดินทางเข้า-ออกประเทศ ว่าเป็นบุคคลมีแบล็กลิสต์หรือคดีติดตัวหรือไม่ ป้องกันการก่อเหตุอาชญากรรมซ้ำซ้อน ส่วนบุคคลที่มีเอกสารเดินทางเข้า-ออกถูกต้อง จากการตรวจสอบพบว่าเดินทางเข้าไทยและพักอาศัยในประเทศนานกว่า 1 ปี
ส่วนการติดตามกลุ่มชาวแอฟริกันหรือกลุ่มนักท่องเที่ยวที่มาจาก 8 ประเทศกลุ่มเสี่ยง 15 พฤศจิกายนที่ผ่านมา จนถึงปัจจุบันสามารถเรียกตัวมาตรวจสอบได้ครบทุกคนแล้ว และไม่พบว่าติดเชื้อแต่อย่างใด.-สำนักข่าวไทย