กรุงเทพฯ 28 ต.ค. –กลุ่มโรงไฟฟ้าสบโอกาสซื้อกิจการ ขยายงาน ร่วมมือหาลูกค้าที่ชัดเจน ราช กรุ๊ป ลงทุน 3,413 ล้านบาท ร่วมทุนโรงไฟฟ้า-เครือสหพัฒน์ ด้านบีกริมทุ่ม 12,400 ล้านบาท ซื้อหุ้นทั้งหมดของ E-COGEN
นางสาวชูศรี เกียรติขจรกุล กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ราช กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ราช กรุ๊ป ได้เข้าซื้อหุ้นสามัญเดิมและหุ้นสามัญเพิ่มทุนของบริษัท สหโคเจน (ชลบุรี) จำกัด (มหาชน) จากกลุ่มสหพัฒน์ สัดส่วนร้อยละ 51 ของหุ้นที่ออกและจำหน่ายได้แล้วทั้งหมดของสหโคเจน มูลค่าการลงทุนรวม 3,413 ล้านบาท (คิดเป็นราคา 5.75 บาทต่อหุ้น) ซึ่งสัญญาซื้อขายหุ้น และสัญญาการจองซื้อหุ้นเพิ่มทุนได้ลงนามแล้วในวันนี้ คาดว่าธุรกรรมทั้งหมดจะแล้วเสร็จในเดือนธันวาคม 2564 โดย สหโคเจน มีกำลังการผลิตไฟฟ้ารวมสูงสุด 214 เมกะวัตต์ และไอน้ำ 96 ตัน/ชั่วโมง ใช้เชื้อเพลิงก๊าซธรรมชาติ พลังงานไฟฟ้าที่ผลิตได้ 90 เมกะวัตต์ จำหน่ายแก่การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) และส่วนที่เหลือรวมทั้งไอน้ำจำหน่ายแก่โรงงานอุตสาหกรรมในสวนอุตสาหกรรมเครือสหพัฒน์-ศรีราชา และยังลงทุนในธุรกิจโรงไฟฟ้าชีวมวล อีก 2 แห่ง ได้แก่ กำลังการผลิต 9.6 เมกะวัตต์ ตั้งอยู่ในสวนอุตสาหกรรมเครือสหพัฒน์ – ลำพูน และ กำลังการผลิต 7.5 เมกะวัตต์ อยู่ในจังหวัดกำแพงเพชร อีกทั้งยังมีการร่วมทุนในบริษัท อิมแพค โซล่าร์ จำกัด (ถือหุ้นร้อยละ 21) ดำเนินธุรกิจติดตั้งโซล่าร์บนหลังคาภายในสวนอุตสาหกรรมและขายไฟฟ้าตรงสำหรับภาคธุรกิจและอุตสาหกรรม โดยกำหนดเป้าหมายไว้ประมาณ 53 เมกะวัตต์
“ความสำเร็จของการร่วมทุนครั้งนี้สะท้อนถึงความมุ่งมั่นของบริษัทฯ ในการรักษาและสร้างฐานธุรกิจผลิตไฟฟ้าในประเทศไทยให้เติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยโรงไฟฟ้าสหโคเจน ปัจจุบันผลิตไฟฟ้าขายแก่ลูกค้าอุตสาหกรรม กว่า 70 แห่ง รวมถึงในเครือของสหพัฒน์ด้วย นอกจากนี้ ยังมีแนวโน้มว่า ความต้องการไฟฟ้าของลูกค้าอุตสาหกรรมจะเพิ่มมากขึ้น และ ยังเห็นโอกาสและศักยภาพที่จะพัฒนาธุรกิจต่อยอดรองรับการเปลี่ยนผ่านของระบบจำหน่ายไฟฟ้าไปสู่สมาร์ทกริด และ/หรือไมโครกริดในอนาคตด้วย” นางสาวชูศรีกล่าวว
นายฮาราลด์ ลิงค์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บี.กริม เพาเวอร์ จากัด (มหาชน) หรือ BGRIM เปิดเผยว่า บริษัท ยูนิเวนเจอร์ บีจีพี จำกัด (UVBGP) ซึ่งเป็นบริษัทร่วมระหว่าง BGRIM ถือหุ้นสัดส่วน 45% และบริษัท ยูนิเวนเจอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ UV ถือหุ้นในสัดส่วน 55% อยู่ระหว่างการปฏิบัติตามข้อกำหนดและเงื่อนไขบังคับก่อนตามสัญญาซื้อขายหุ้นเพื่อซื้อหุ้นทั้งหมดของบริษัท อีสเทอร์น โคเจนเนอเรชั่น จำกัด (E-COGEN) ซึ่งเป็นบริษัทย่อยของบริษัท อีสเทอร์น พาวเวอร์ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ EP
ทั้งนี้เพื่อให้ได้มาซึ่งการถือหุ้นทางอ้อมในสัดส่วนไม่น้อยกว่า 74.5% ในบริษัท พีพีทีซี จำกัด (PPTC) และในสัดส่วน 100% ในบริษัท เอสเอสยูที จำกัด (SSUT) จำกัด ซึ่งเป็นเจ้าของโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานความร้อนร่วม (Combined Cycle Cogeneration Power Plants) และมีสัญญาซื้อขายไฟฟ้า(PPA)กับการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) โครงการละ 90 เมกะวัตต์ เป็นระยะเวลา 25 ปี โดยการเข้าซื้อโครงการในครั้งนี้ ใช้เงินลงทุนรวม 12,400 ล้านบาท
สำหรับ PPTC ดำเนินโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานความร้อนร่วม ตั้งอยู่ที่นิคมอุตสาหกรรมลาดกระบัง กำลังการผลิตติดตั้ง 120 เมกะวัตต์ และไอน้ำ 30 ตันต่อชั่งโมง จ่ายไฟฟ้าเข้าระบบ(COD) ตั้งแต่เดือนมีนาคม 2559 ส่วน SSUT ดำเนินโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานความร้อนร่วม จำนวน 2 โครงการ ตั้งอยู่ที่นิคมอุตสาหกรรมบางปู จังหวัดสมุทรปราการ กำลังการผลิตติดตั้งรวม 240 เมกะวัตต์ และไอน้ำ 60 ตันต่อชั่งโมง COD ตั้งแต่เดือนธันวาคม 2559 . -สำนักข่าวไทย