กรุงเทพฯ 29 ก.ย.- RATCH ผลัดเปลี่ยน CEO.ใหม่ มั่นใจลงทุนได้ตามแผน 10,000 เมกะวัตต์ภายในปี 2568 คุยธุรกิจใหม่ โรงพยาบาลใน สปป.ลาว สร้างรายได้ที่ดี
นายกิจจา ศรีพัฑฒางกุระ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ราช กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ RATCH เปิดเผยว่า บริษัทยังคงขยายการลงทุนอย่างต่อเนื่องทั้งในและต่างประเทศ เพื่อให้กำลังการผลิตเป็นไปตามเป้าหมาย 10,000 เมกะวัตต์ภายในปี 2568 และมูลค่ากิจการ 2 แสนล้านบาท จากปัจจุบันบริษัทมีกำลังการผลิตรวม 8,292 เมกะวัตต์ โดยในปีนี้ ตั้งเป้ามีกำลังการผลิตใหม่เพิ่มขึ้น 1,000 เมกะวัตต์ คาดใช้เงินลงทุนประมาณ 3.1 หมื่นล้านบาท แบ่งเป็นโครงการโรงไฟฟ้าไพตัน ที่อินโดนีเซีย 900 เมกะวัตต์ ใช้เงินลงทุน 2.5 หมื่นล้านบาท และที่คาดว่าจะปิดดีล M&A ภายในไตรมาส 4/2564 อีก 2 โครงการ ได้แก่ โรงไฟฟ้าพลังน้ำ ที่อินโดนีเซีย 1.5 พันล้านบาท และโครงการพลังงานทดแทนในประเทศไทย ประมาณ 4.5 พันล้านบาท
นอกจากนี้ บริษัทเตรียมเพิ่มสัดส่วนกำลังการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานทดแทนเพิ่มขึ้นเป็น 25% หรือคิดเป็น 2,500 เมกะวัตต์ ภายในปี 2568 จากปัจจุบันมีสัดส่วนอยู่ที่ 15% หรือคิดเป็น 1,300 เมกะวัตต์ และมีแนวโน้มปรับสัดส่วนเพิ่มขึ้นเป็น 30-40% ในอนาคต ให้สอดคล้องกับแผนพลังงานชาติของกระทรวงพลังงาน ที่ส่งเสริมการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานทดแทนเพิ่มขึ้น
บริษัทยังได้กระจายการลงทุนไปยังโครงการระบบสาธารณูปโภคพื้นฐานและธุรกิจอื่นที่มีแนวโน้มการเติบโตสูงในระยะยาว กำหนดเป้าหมายปีละ 5% ของงบลงทุน และขยายฐานธุรกิจในต่างประเทศ ได้แก่ สปป.ลาว ออสเตรเลีย อินโดนีเซีย และเวียดนาม ล่าสุดร่วมลงทุนธุรกิจใหม่ ได้แก่ โรงพยาบาลเกษมราษฎร์อินเตอร์เนชั่นแนล ในนครหลวงเวียงจันทน์ สปป. ลาวเป็นโรงพยาบาลเอกชนแบบตติยภูมิครบวงจรขนาด 110 เตียง ในระยะที่ 1 และเพิ่มขึ้นเป็น 254 เตียง ในระยะที่2 โดยได้เปิดให้บริการเชิงพาณิชย์ตั้งแต่วันที่ 19 สิงหาคมที่ผ่านมา พบวามีรายได้เป็นบวกแล้ว เนื่องจากสถานการณ์โควิด-19 ส่งให้มีจำนวนผู้ใช้บริการจำนวนมาก ซึ่งบริษัทมีแผนขยายการลงทุนเพิ่มเติม ทั้งหลวงพระบาง และจำปาสัก เพื่อต่อยอดการทำธุรกิจโรงพยาบาลต่อไป
นายกิจจา กล่าวว่า ในช่วงการดำรงตำแหน่งซีอีโอ RATCH ในช่วง 4 ปีที่ผ่านมา สามารถเพิ่มกำลังผลิตกว่า 2,000 เมกะวัตต์ จนมาอยู่ที่ 8,292 เมกะวัตต์ และครบวาระ 30 ก.ย.นี้ ก็ได้ส่งต่อภารกิจ ด้านนางสาวชูศรี เกียรติขจรกุล ซึ่งจะเข้ามารับตำแหน่งแทน ตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคมนี้
นางสาวชูศรี กล่าวว่า จะสานต่อภารกิจสร้างการเติบโตอย่างยั่งยืนของราช กรุ๊ป ด้วยการแสวงหาความร่วมมือกับพันธมิตร เพื่อเสริมความแข็งแกร่งและขีดความสามารถบริษัทในการขยายการลงทุนทั้งในและต่างประเทศ โดยตั้งเป้าสัดส่วนรายได้จากโครงการในต่างประเทศเพิ่มขึ้นเป็น 50% ในอนาคต จากปัจจุบันมีสัดส่วนอยู่ที่ 20% ส่วนที่เหลือเป็นรายได้จากโครงการในประเทศ 80% รวมถึงการพัฒนายกระดับด้านสิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมาภิบาลให้ทัดเทียมมาตรฐานสากลยิ่งขึ้น.-สำนักข่าวไทย