กรุงเทพฯ 23 ก.ย. – อธิบดีกรมควบคุมมลพิษเข้ายื่นหนังสือต่อดีเอสไอให้ตรวจสอบการลักลอบทิ้งของเสียเคมีในพื้นที่เอกชน จ.ลพบุรี
นายอรรถพล เจริญชันษา อธิบดีกรมควบคุมมลพิษ (คพ.) เปิดเผยว่า ได้เข้ายื่นหนังสือต่อพ.ต.ท. กรวัชร์ ปานประภากร อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ให้พิจารณานำกรณีกรณีมีผู้ลักลอบทิ้งสารอันตรายในพื้นที่ตำบลพัฒนานิคม จังหวัดลพบุรี ซึ่งมีนายสุเทพ ขวัญตา แสดงตัวเป็นเจ้าของที่ดิน เสนอให้คณะกรรมการคดีพิเศษพิจารณากำหนดให้เป็นคดีพิเศษ เพื่อให้พนักงานสอบสวนคดีพิเศษเข้ามาดำเนินการตามพระราชบัญญัติการสอบสวนคดีพิเศษ พ.ศ. 2547 และฉบับที่แก้ไขเพิ่มเติม เนื่องจากการลักลอบทิ้งของเสียอันตรายดังกล่าว ได้สร้างความเสียหายและความเดือดร้อนกับประชาชน และส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมอย่างรุนแรง มีมูลค่าความเสียหายจำนวนมาก เข้าข่ายมีความผิดทางอาญาตามกฎหมายหลายฉบับเช่น กฎหมายว่าด้วยวัตถุอันตราย กฎหมายว่าด้วยโรงงาน กฎหมายว่าด้วยการสาธารณสุข เป็นต้น ดังนั้น การที่หาตัวกลุ่มบุคคลที่กระทำความผิดมาลงโทษ จึงมีความซับช้อน จำเป็นต้องใช้บุคลากรที่มีความรู้ ความชำนาญ หรือประสบการณ์สูง ในการสืบสวนสอบสวนและรวบรวมพยานหลักฐาน
สำหรับการเข้าร่วมตรวจสอบบริเวณทิ้งกากของเสียอันตรายนั้น กรมควบคุมมลพิษดำเนินการร่วมกับทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง พบว่า มีการลักลอบทิ้งถังบรรจุกากของเสียอันตราย และมีร่องรอยการเปิดฝาถังและบีบอัดเพื่อน้ำไปจำหน่าย โดยเป็นถังเหล็กขนาด 200 ลิตร ประมาณ 360 ถัง และถังพลาสติกขนาด 200 ลิตร ประมาณ 40 ถัง รวมทั้งสิ้นประมาณ 80,000 ลิตร สันนิษฐานได้ว่าของเสียดังกล่าวเป็นของเสียจากการประกอบกิจการโรงงาน ได้แก่ ตัวทำละลาย สี กาว เป็นต้น ทั้งนี้จากการสุ่มเก็บตัวอย่างกากของเสีย 7 ตัวอย่าง พบว่า มีค่า pH ระหว่าง 7 – 13 ค่าไอระเหยสารอินทรีย์ระเหยง่าย ระหว่าง 0 – 838 ppm เข้าข่ายเป็นวัตถุอันตรายชนิดที่ 3 ของเสียเคมีวัตถุตามพระราชบัญญัติวัตถุอันตราย พ.ศ. 2535.-สำนักข่าวไทย