ธปท. 8 ก.พ. – ธปท.เผยสินเชื่อปีที่แล้วโตต่ำสุดในรอบ 7 ปี นับตั้งแต่ปี 2552 ขณะที่เอ็นพีแอลปี 59 พุ่งเป็นร้อยละ 2.83 ส่งผลแบงก์กันสำรองเพิ่มกระทบกำไรแบงก์โตเพียงร้อยละ 3.6
นายสมบูรณ์ จิตเป็นธม ผู้ช่วยผู้ว่าการสายนโยบายสถาบันการเงิน ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) กล่าวว่า ภาพรวมสินเชื่อระบบธนาคารพาณิชย์ปี 2559 ขยายตัวร้อยละ 2 ชะลอลงจากที่ขยายตัวร้อยละ 4.3 ในปี 2558 โดยเป็นการขยายตัวต่ำที่สุดในรอบ 7 ปี นับตั้งแต่ปี 2552 ที่สินเชื่อหดตัวร้อยละ 1.7 ซึ่งปีดังกล่าวเกิดวิกฤติการเงินสหรัฐส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจทั่วโลก
สำหรับสินเชื่อที่ขยายตัวต่ำปีที่แล้ว เป็นผลมาจากภาวะเศรษฐกิจที่ฟื้นตัวอย่างค่อยเป็นค่อยไป โดยสินเชื่อธุรกิจขยายตัวร้อยละ 0.6 สินเชื่อธุรกิจขนาดใหญ่หดตัวเพิ่มขึ้นจากปีก่อนที่ร้อยละ 1.1 สินเชื่อเอสเอ็มอี ขยายตัวร้อยละ 1.8 ชะลอลงจากปีก่อน ส่วนใหญ่เป็นการหดตัวในภาคอุตสาหกรรมและอสังหาริมทรัพย์ โดยพบว่ามียอดการปฏิเสธการอนุมัติสินเชื่ออสังหาริมทรัพย์เพิ่มขึ้นจากร้อยละ 52 ในไตรมาส 3 เป็นร้อยละ 55 ในไตรมาส 4 ปี 2559
ด้านสินเชื่ออุปโภคบริโภคขยายตัวร้อยละ 4.9 ชะลอลงจากปีก่อน โดยสินเชื่อที่อยู่อาศัยขยายตัวชะลอลงมาอยู่ที่ 6.9 บัตรเครดิต ขยายตัวร้อยละ 5.9 และสินเชื่อส่วนบุคคลขยายตัวร้อยละ 3.8 ขณะที่สินเชื่อรถยนต์ขยายตัวร้อยละ 1.3 เพิ่มขึ้นต่อเนื่องเป็นปีที่ 2 ส่วนแนวโน้มสินเชื่อปีนี้คาดว่าจะขยายตัวดีขึ้นต่อเนื่องจากช่วงครึ่งหลังของปี 2559 สินเชื่อบางธุรกิจ เช่น อุตสาหกรรมอาหาร ผลิตภัณฑ์ยาง และพลาสติก พาณิชย์ และสาธารณูปโภค ขยายตัวดีขึ้น
ส่วนแนวโน้มสินเชื่อที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (เอ็นพีแอล) ปีนี้ คาดว่าธนาคารพาณิชย์จะสามารถบริหารจัดการได้ดีขึ้น หลังจากเห็นสัญญาณเอ็นพีแอลของธุรกิจขนาดใหญ่เริ่มปรับดีขึ้น ขณะที่เอ็นพีแอลสินเชื่ออุปโภคบริโภคเริ่มทรงตัว แต่ยอมรับว่าเอ็นพีแอลธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อมยังสูงขึ้น ซึ่งสาเหตุที่เอ็นพีแอลมีสัญญาณเริ่มดีขึ้นมาจากภาวะเศรษฐกิจขยายตัวอย่างค่อยเป็นค่อยไป ขณะที่เอ็นพีแอลคงค้าง ปี 2559 อยู่ที่ 358,700 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 48,100 ล้านบาท ส่วนใหญ่เป็นการเพิ่มขึ้นของเอ็นพีแอลในธุรกิจเอสเอ็มอี ส่งผลให้สัดส่วนเอ็นพีแอลต่อสินเชื่อรวมเพิ่มขึ้นเป็นร้อยละ 2.83 จากร้อยละ 2.55 โดยคุณภาพสินเชื่อภาคพาณิชย์ บริการ อสังหาริมทรัพย์ ก่อสร้าง ด้อยลง ส่วนสินเชื่อจัดชั้นกล่าวถึงพิเศษมียอดคงค้าง 358,000 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 43,900 ล้านบาท ทำให้สัดส่วนสินเชื่อจัดชั้นกล่าวถึงพิเศษต่อสินเชื่อรวมเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ร้อยละ 2.63 จากปีก่อนที่ร้อยละ 2.38 ส่งผลให้ธนาคารพาณิชย์มีการกันสำรองเพิ่มขึ้นเป็น 528,900 ล้านบาท ขยายตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ 19 ทำให้ธนาคารพาณิชย์มีกำไรสุทธิ 199,000 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากร้อยละ 3.6 จากปีที่ผ่านมา โดยยืนยันระบบธนาคารพาณิชย์ยังมีความมั่นคงมีเงินสำรองและกองทุนอยู่ในระดับสูง สามารถรองรับผลกระทบจากปัจจัยเสี่ยงที่เข้ามากระทบได้ .- สำนักข่าวไทย