นนทบุรี 1 ก.ย.-สนค.ร่วมกับมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ธ.ก.ส.มุ่งเป้าขยายการดันกลุ่มสินค้าอินทรีย์ทุกประเภทผ่านระบบ TraceThai.com เล็งกลุ่มสินค้าอินทรีย์มาตรฐาน GI เป็นต้นแบบ ระยะที่ 2
นายภูสิต รัตนกุล เสรีเริงฤทธิ์ ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า (สนค.) เปิดเผยว่า สนค. ตระหนักถึงความสำคัญของการสร้างความน่าเชื่อถือของสินค้าเกษตรไทยและประโยชน์ของเทคโนโลยีบล็อกเชนที่จะเข้ามาสนับสนุนกระบวนการติดตามและสอบย้อนกลับสินค้าให้เกิดความโปร่งใส จึงได้จัดทำโครงการประยุกต์ใช้บล็อกเชนยกระดับเศรษฐกิจการค้าขึ้นตั้งแต่ปี 2563 โดยมี “ข้าวอินทรีย์” เป็นสินค้านำร่องมาแล้ว และเพื่อให้เกิดความหลากหลายสินค้า จึงเตรียมที่จะขยายสินค้าเกษตรชนิดอื่นเพิ่มเติม
ทั้งนี้ ระบบ TraceThai.com มุ่งตอบโจทย์เรื่องการตรวจสอบย้อนกลับอาหาร หรือ Food Traceability ซึ่งมีบทบาททางการค้าเพิ่มมากขึ้น โดยเฉพาะหลังการแพร่ระบาดของ COVID-19 ที่ผู้บริโภคทั่วโลกให้ความสำคัญกับความปลอดภัยของอาหารมากขึ้น และรัฐบาลของหลายประเทศได้เริ่มมีมาตรฐานและกฎระเบียบทางการค้าใหม่ๆที่เกี่ยวข้องกับการตรวจสอบย้อนกลับสินค้าเกษตรและอาหารตลอดกระบวนการผลิต ซึ่งเกษตรกรและผู้ประกอบการของไทยควรเตรียมความพร้อมอย่างเหมาะสม และให้ความสำคัญกับเรื่องระบบตรวจสอบย้อนกลับสินค้า เพราะเรื่องนี้ สามารถเพิ่มมูลค่าของสินค้า สร้างความเชื่อมั่นให้กับคู่ค้าทั้งในประเทศและต่างประเทศได้ รวมทั้งช่วยลดปัญหาการถูกปลอมปนสินค้าของตนด้วย
อย่างไรก็ตาม ในช่วงเริ่มแรก ระบบ TraceThai.com จะนำร่องกับสินค้าอินทรีย์ต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นข้าว หรือพืชอื่น รวมถึงสินค้าอินทรีย์แปรรูปที่ผ่านการรับรองโดยหน่วยรับรองมาตรฐาน (Certification Body: CB) ทั้งที่เป็นมาตรฐานอินทรีย์ในประเทศ คือ Organic Thailand และมาตรฐานอินทรีย์สากล เช่น EU Organic, USDA, IFOAM เป็นต้น และในระยะที่ 2 ปี 2564 ได้เผยแพร่ขยายฐานการใช้งานเพิ่มมากขึ้น และมีแนวคิดเรื่องการขยายการใช้งานระบบไปยังมาตรฐานสินค้าอื่น เช่น สินค้าที่ผลิตตามหลักการปฏิบัติทางการเกษตรที่ดี (GAP) ระบบการรับรองเกษตรอินทรีย์แบบมีส่วนร่วม (PGS) และสินค้าที่ได้รับการรับรองสิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์ (GI) ของกรมทรัพย์สินทางปัญญา และยังศึกษาและออกแบบระบบต้นแบบสำหรับเชื่อมโยงกับระบบอำนวยความสะดวกทางการค้า (Trade Facilitation) ที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งกลไกในการขับเคลื่อนระบบ TraceThai.com ระยะถัดไปด้วย
นอกจากนี้ ในการส่งเสริมการยกระดับมาตรฐานและเพิ่มมูลค่าให้แก่สินค้าเกษตรอินทรีย์ของไทย สนค. ได้รับการสนับสนุนจากพันธมิตร เช่น ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) ส่งเสริมสนับสนุนให้เกษตรกร ผู้ประกอบการ และวิสาหกิจชุมชนผลิตข้าวอินทรีย์เข้าร่วมโครงการ ปัจจุบัน ระบบ TraceThai.com มีกลุ่มนำร่องทั้งสิ้น 34 กลุ่ม ในพื้นที่ 17 จังหวัด ส่วนใหญ่เป็นผู้ผลิตข้าวอินทรีย์ในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และมีผู้ผลิตข้าวอินทรีย์ที่ได้ GI เช่น ข้าวสังข์หยดพัทลุง ข้าวหอมมะลิอุบลราชธานี ข้าวเจ๊กเชยเสาไห้สระบุรี เข้าร่วมโครงการด้วย นอกจากนี้ ยังมีสินค้าอื่นๆ เช่น ถั่วเหลืองอินทรีย์ ถั่วเขียวอินทรีย์ สินค้ากลุ่มเครื่องสำอางแปรรูปจากสมุนไพรด้วย.-สำนักข่าวไทย