สนามบินน้ำ 10 ส.ค. -ฝ่ายค้าน ร้อง ป.ป.ช. สอบนายกฯ ออกคำสั่งปิดปากสื่อ – ชี้ใช้อำนาจมิชอบเกินขอบเขต
นายสุทิน คลังแสง ส.ส.มหาสารคาม พรรคเพื่อไทย ในฐานะประธานคณะกรรมการประสานงาน (วิป)พรรคร่วมฝ่ายค้าน และรองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย พร้อมด้วยตัวแทนพรรคร่วมฝ่ายค้าน ยื่นหนังสือถึงประธานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ ( ป.ป.ช.) เพื่อขอให้ไต่สวนข้อเท็จจริง และดำเนินคดีกับพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี กรณีเมื่อวันที่ 29 กรกฎาคม 2564 นายกรัฐมนตรี ได้ออกข้อกำหนดออกตามความพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน ห้ามผู้ใดเสนอข่าว ที่มีข้อความอันอาจทำให้ประชาชนเกิดความหวาดกลัว หรือเจตนาบิดเบือนข้อมูลข่าวสาร และศาลแพ่งได้ออกนั่งพิจารณาไต่สวนพยานหลักฐาน และมีคำสั่งให้ระงับการบังคับใช้ข้อกำหนดดังกล่าวชั่วคราว
นายสุทิน กล่าวว่า ฝ่ายค้านเห็นตรงกันว่า การออกคำสั่งดังกล่าวของนายกรัฐมนตรี มีพฤติการณ์ที่จงใจปฏิบัติหน้าที่ หรือใช้อำนาจขัดต่อบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญ และกฎหมาย ทุจริตต่อหน้าที่ และเป็นการฝ่าฝืนและไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานทางจริยธรรมอย่างร้ายแรง เพราะข้อห้ามดังกล่าวไม่ได้เป็นกรณีที่มีความจำเป็นเพื่อแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉินให้ยุติลงโดยเร็ว จึงเห็นว่า เหตุผลในการออกข้อกำหนดดังกล่าว เป็นเจตนา หรือมูลเหตุจูงใจทางการเมือง เพื่อต้องการลดกระแสวิพากษ์วิจารณ์การบริหารงานของตัวเอง ซึ่งไม่ใช่เหตุผลและเงื่อนไขตามที่กฎหมายบัญญัติไว้ และการออกข้อกำหนดฉบับดังกล่าว เป็นการกระทำโดยไม่มีอำนาจตามกฎหมาย และเป็นการกระทำโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย จึงเห็นว่าน่าจะเป็นการจงใจปฏิบัติหน้าที่ หรือใช้อำนาจขัดต่อรัฐธรรมนูญและกฎหมาย และเข้าข่ายกระทำความผิดอาญาฐานเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติ หรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด หรือโดยทุจริต เพื่อแสวงหาประโยชน์ทางการเมืองของตนโดยมิชอบด้วยกฎหมาย ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 และฐานเป็นเจ้าพนักงานของรัฐปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติอย่างใดในตำแหน่งหรือหน้าที่หรือใช้อำนาจในตำแหน่งหรือหน้าที่โดยมิชอบเพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด หรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต มาตรา 172
นายสุทิน กล่าวด้วยว่า การกระทำของนายกรัฐมนตรี ยังเข้าข่ายเป็นการฝ่าฝืน และไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานทางจริยธรรมอย่างร้ายแรง ตามมาตรฐานทางจริยธรรมของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง จึงเรียกร้องให้คณะกรรมการ ป.ป.ช. ไต่สวนข้อเท็จจริงตามรัฐธรรมนูญ ประกอบพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริตต่อไป. สำนักข่าวไทย