สมุทรสาคร 1 ส.ค. – สำรวจความเสียหายตลาดร้อยปีบ้านแพ้ว อ.บ้านแพ้ว จ.สมุทรสาคร ริมคลองดำเนินสะดวก หลังเกิดเพลิงไหม้รุนแรงเมื่อคืนที่ผ่านมา ทำให้ห้องแถวที่สร้างด้วยไม้และปลูกติดกันเกือบ 50 ห้อง วอดไป 10 คูหา ไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บ ชาวบ้านบางส่วนกลับเข้าไปรื้อหาทรัพย์สินที่อาจหลงเหลืออยู่ ส่วนสาเหตุเบื้องต้นคาดเกิดจากสายไฟริมคลองลัดวงจร
เมื่อค่ำวานนี้ (31 ส.ค.) เวลาประมาณ 20.00 น. เกิดเพลิงไหม้และลุกลามอย่างรวดเร็วรุนแรง เนื่องจากบ้านเรือนส่วนใหญ่เป็นห้องแถวชั้นเดียว ปลูกสร้างด้วยไม้ติดกันยาวเกือบ 50 ห้อง อายุนับร้อยปี เจ้าหน้าที่ระดมรถน้ำดับเพลิงจากทุกองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในจังหวัดสมุทรสาคร และพื้นที่ใกล้เคียงกว่า 30 คัน เข้าฉีดน้ำดับเพลิง อีกทั้งยังมีเรือดับเพลิงของเทศบาลตำบลบ้านแพ้ว กับเทศบาลตำบลหลักห้า และเรือยนต์จากชาวบ้านที่นำทั้งเครื่องสูบน้ำ และเครื่องฉีดพ่นน้ำในสวน บรรทุกใส่เรือออกมาช่วยกันฉีดน้ำเข้าไปในกองเพลิงเพื่อให้เพลิงอยู่ในวงจำกัด ไม่ให้ลุกลามไปติดบ้านเรือนประชาชนที่อยู่ใกล้เคียง รวมถึงสถานีตำรวจภูธรบ้านแพ้ว และที่ว่าการอำเภอบ้านแพ้ว ซึ่งอยู่ห่างออกไปไม่ถึง 300 เมตร แต่การทำงานเป็นไปอย่างยากลำบาก เนื่องจากพื้นที่ค่อนข้างคับแคบ ด้านหน้าเป็นคลองดำเนินสะดวก ด้านหลังเป็นซอยเข้าตลาด ความกว้างประมาณ 5 เมตร รถดับเพิลงเข้าออกยาก ทำได้เพียงกระจายตัวควบคุมเพลิงในจุดต่างๆ โดยใช้เวลากกว่า 2 ชั่วโมง จึงควบคุมเพลิงได้ แต่ก็ต้องฉีดน้ำหล่อเลี้ยงเพื่อป้องกันไฟปะทุขึ้นมาอีกรอบ
นายพิรุณโรจน์ นาคดนตรี นายอำเภอบ้านแพ้ว เปิดเผยว่า ร้านค้าที่ปลูกสร้างด้วยไม้อยู่ติดริมน้ำเสียหายเกือบทั้งหมด รวมกว่า 10 หลัง โชคดีไม่มีใครได้รับอันตราย เพราะประชาชนสามารถอพยพขนของหนีออกมาได้ทัน ส่วนสาเหตุเบื้องต้น เกิดจากสายไฟฟ้าริมคลอง ที่อยู่ใกล้กับสะพานข้ามคลองบริเวณกลางตลาดเกิดไฟฟ้าช็อต สะเก็ดไฟตกใส่บ้านเรือนประชาชนที่มีโครงสร้างเป็นไม้ จึงทำให้เกิดไฟลุกลามอย่างรุนแรงและรวดเร็ว
ขณะที่ชาวบ้านในตลาดร้อยปีบ้านแพ้ว บอกว่า เห็นสายไฟที่อยู่ติดริมคลอง ใกล้ร้านขายโทรศัพท์ ช่วงกลางตลาดเกิดไหม้ขึ้น น่าจะไฟฟ้าลัดวงจร แล้วไฟก็ลุกลามไปตามสายไฟเข้าร้านทอง ก่อนจะลุกไหม้อย่างรวดเร็ว ส่วนการให้ความช่วยเหลือ ได้จัดสถานที่บริเวณหอประชุมศาลาประชาคมอำเภอบ้านแพ้วให้ผู้ประสบภัยพักอาศัยไปก่อนชั่วคราว ขณะที่บางคนอพยพไปพักอาศัยตามบ้านญาติไปก่อน นอกจากนี้ยังเปิดห้องประชุมที่อำเภอให้ประชาชนนำสิ่งของไปเก็บไว้ ส่วนผู้ที่มีบ้านก็จะนำไปเก็บที่บ้านส่วนหนึ่ง เบื้องต้นทราบว่ามีผู้ที่ได้รับผลกระทบกว่า 30 หลังคาเรือน
เจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐานได้เข้าตรวจสอบโดยละเอียด เพื่อหาสาเหตุของเพลิงไหม้ครั้งนี้ ขณะที่ชาวบ้านบางส่วนได้กลับไปบ้านที่ถูกเพลิงไหม้เป็นเถ้าถ่าน เพื่อค้นหาทรัพย์สินที่อาจหลงเหลือจากการถูกไฟไหม้ . – สำนักข่าวไทย