สมาพันธ์เอสเอ็มอี เสนอ 6 มาตรการช่วยเหลือเอสเอ็มอีไทย

กรุงเทพฯ 22 ก.ค. – สมาพันธ์เอสเอ็มอีไทย เสนอ 6 มาตรการให้รัฐบาลช่วยเหลือเอสเอ็มอีไทย


นายแสงชัย ธีรกุลวาณิช ประธานสมาพันธ์เอสเอ็มอีไทย เปิดเผยว่า จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด 19) ณ วันที่ 22 กรกฎาคม 2564 ซึ่งมีผลทำให้มีผู้ติดเชื้อจำนวนกว่า 1 หมื่นคนต่อวัน ทำให้รัฐบาลต้องประกาศให้มีการหยุดการประกอบกิจกรรมทางธุรกิจและขอให้ภาคเอกชนทำงานจากที่บ้านอีกครั้ง ซึ่งการระบาดของโควิด19 ตั้งแต่ต้นปี 2563 ทำให้ผู้ประกอบการ mSMEs จำนวนมากมีรายได้ไม่แน่นอน และขาดรายได้อย่างยาวนาน

สมาพันธ์เอสเอ็มอีไทย และภาคีพันธมิตรเครือข่าย ทั้ง 26 องค์กร จึงได้ประชุมร่วมกัน และมีมติให้เสนอมาตรการเพื่อการแก้ไขปัญหาดังกล่าวต่อรัฐบาล ดังต่อไปนี้


1.มาตรการพักต้น พักดอก ตลอดระยะเวลา 6 เดือน และไม่คิดดอกเบี้ยตลอดระยะเวลาการพักต้น สำหรับกลุ่มลูกหนี้ mSMEs เดิม ทั้งที่ได้รับผลกระทบทางตรงหรือทางอ้อม ไม่ให้เป็นหนี้เสียหรือ NPLs เพราะการแพร่ระบาดยังคงมีอย่างต่อเนื่องและไม่มีแนวโน้มที่จะยุติ ส่งผลต่อผู้ประกอบการ mSMEs อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ การพักต้น พักดอกเบี้ย ไม่คิดดอกเบี้ยตลอดระยะเวลาการพักต้น และยืดระยะเวลาการชำระออกไป จะช่วยให้ต่อลมหายใจให้ผู้ประกอบการ mSMEs ให้ดำเนินกิจการต่อไปได้ และเพื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศในอนาคตต่อไป

2. มาตรการลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้

2.1   สำหรับ mSMEs ที่มีสินเชื่ออยู่ในระบบสถาบันการเงิน เป็นลูกหนี้เดิมมีการผ่อนชำระดีไม่เป็น NPLs มีอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ต่อปีสูงกว่าร้อยละ 5 ให้ลดลงมาคงที่ในอัตราร้อยละ 4 โดยรัฐบาลช่วยอุดหนุนอัตราดอกเบี้ยส่วนที่ลดให้กับลูกหนี้เดิมแก่สถาบันการเงินร้อยละ 1   เนื่องจาก ในปัจจุบันดอกเบี้ยที่สถาบันการเงินทั้งภาคธนาคารและนอกภาคธนาคารเรียกเก็บมีการคิดอัตราดอกเบี้ยกับผู้ประกอบการ mSMEs ในอัตราที่สูง เมื่อพิจารณาจากพระราชกำหนดแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ พ.ศ. 2564 ได้กำหนดอัตราดอกเบี้ยที่บังคับใช้โดยทั่วไป ให้ดอกเบี้ยผิดนัดสูงสุดไม่เกินร้อยละ 5 ต่อปี แต่สถาบันการเงินอาศัยอำนาจตามประกาศธนาคารแห่งประเทศไทย จึงสามารถกำหนดอัตราดอกเบี้ยสูงกว่าอัตราตามกฎหมายดังกล่าวได้ เพื่อให้สอดคล้องกับสภาวการณ์ปัจจุบัน และสอดคล้องกับพระราชกำหนดที่ลดอัตราดอกเบี้ย จึงขอเสนอให้ลดอัตราดอกเบี้ยสำหรับผู้ประกอบการ mSMEs  ไม่เกินอัตราร้อยละ 4 ต่อปี เป็นระยะเวลา 2 ปี


2.2   สำหรับ mSMEs ที่มีสินเชื่ออยู่กับแหล่งเงินกู้ที่ไม่ใช่สถาบันการเงิน (Non Bank) เป็นลูกหนี้เดิมมีการผ่อนชำระดีไม่เป็น NPLs มีอัตราดอกเบี้ยและค่าบริการที่สูงมาก  จึงขอเสนอให้ลดอัตราดอกเบี้ยและค่าบริการลดลงมากึ่งหนึ่ง จนครบอายุสัญญา

3.มาตรการสินเชื่อ Soft Loan สำหรับวงเงินกู้ไม่เกิน 1 ล้านบาท พิจารณากำหนดวงเงินให้กู้จากกระแสเงินสดสุทธิจากบัญชีเงินฝากธนาคาร ไม่นำงบการเงิน มาเป็นเกณฑ์ในการวิเคราะห์การให้สินเชื่อเป็นระยะเวลา 2 ปี  ทั้งนี้เนื่องจากงบการเงินของผู้ประกอบการ mSMEs อยู่ในระหว่างการปรับตัวเข้าสู่ระบบบัญชีเดียว จึงไม่สามารถนำมาวิเคราะห์ในเรื่องความสามารถในการชำระหนี้ได้อย่างสะท้อนความเป็นจริง ผู้ประกอบการ mSMEs  มักจะใช้การหมุนเวียนเงินจากเงินสดในมือและเงินฝากธนาคารเป็นหลักในการดำเนินกิจการ การวิเคราะห์การให้สินเชื่อจึงควรวิเคราะห์จากกระแสเงินสด

4. มาตรการยกเว้นตรวจสอบข้อมูลเครดิตหรือเครดิตบูโร  เนื่องจากจากสถานการณ์ปัจจุบัน แม้จะเกิดการแพร่ระบาดของโควิด 19 เมื่อพิจารณาผลประกอบการของสถาบันการเงินกลับมีความเข้มแข็งมากขึ้น การพิจารณาให้สินเชื่อพิจารณาจากข้อมูลเครดิต หรือเครดิตบูโร ซึ่งเป็นไปตามวัตถุประสงค์ของมาตรการบริหารความเสี่ยงของสถาบันการเงิน  ซึ่งในสถานการณ์เช่นนี้ย่อมมีผลกระทบที่ไม่ดีต่อข้อมูลเครดิตของผู้ประกอบการ mSME อย่างไม่อาจหลีกเลี่ยงได้ ซึ่งไม่ใช่ความผิดของผู้ประกอบการ ดังนั้น จึงขอเสนอให้สถาบันการเงินไม่นำข้อมูลเครดิตหรือเครดิตบูโร ในช่วงการแพร่ระบาดมาพิจารณาการให้สินเชื่อกับผู้ประกอบการ mSMEs เป็นระยะเวลา 2 ปี

5. มาตรการกองทุนพัฒนาวิสาหกิจ ในปัจจุบันได้มีการยกร่าง พระราชบัญญัติกองทุนพัฒนาวิสาหกิจ พ.ศ. ….   เนื่องจากที่ผ่านมา mSMEs จำนวนมากไม่สามารถเข้าถึงแหล่งทุนในระบบได้ ทำให้เกิดหนี้นอกระบบเติบโตขึ้นอย่างมากมาย การที่มีกองทุน นี้เป็นการเปิดโอกาสให้ mSMEs สามารถสร้างแต้มต่อให้ mSMEs มีต้นทุนทางการเงินที่ต่ำ แข่งขันได้มากขึ้น และมีระบบบ่มเพาะสร้างการเติบโตในอนาคต รวมทั้งทำให้ mSMEs เข้าสู่ระบบฐานภาษีเพิ่มขึ้น ซึ่งกองทุนนี้จะเป็นเรือธงทำให้เกิดการบริหารสินเชื่อในกองทุนได้คล่องตัว และมีเกณฑ์ที่ผ่อนปรนไม่ใช้เกณฑ์ของธนาคารแห่งประเทศไทย จึงขอให้ผลักดันกองทุนนี้ให้เป็นรูปธรรมโดยเร็ว และขอเสนอให้มีคณะกรรมการบริหารที่ต้องให้สัดส่วนของภาคเอกชน เครือข่ายองค์กรภาคประชาชน สื่อมวลชนที่สามารถมีส่วนร่วมได้ในทุกระดับ โดยให้มืออาชีพเข้ามาบริหารกองทุน รวมทั้งต้องจัดระบบผู้เชี่ยวชาญ ที่ปรึกษาธุรกิจ mSMEs เพื่อเป็นพี่เลี้ยงและให้คำแนะนำในการดำเนินธุรกิจอย่างมีประสิทธิภาพ มีวินัยทางการเงิน บัญชี และเพิ่มขีดความสามารถอย่างต่อเนื่อง

6. กองทุนฟื้นฟู NPLs เพื่อการพัฒนา mSMEs ไทย จากข้อมูลของธนาคารแห่งประเทศไทย ณ วันที่ 10 มิถุนายน 2564  มีสินเชื่อทั้งหมด 17,376,812 ล้านบาท สินเชื่อชั้นปกติ 15,726,823 ล้านบาท สินเชื่อชั้นกล่าวถึงพิเศษ (ไฟเหลือง) 1,112,851 ล้านบาท สินเชื่อที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ 537,138 ล้านบาท แต่มีปัญหา mSMEs จำนวนมากที่ติดกับดักทางการเงินเป็น NPLs ปัจจุบันกว่า 241,734 ล้านบาท หรือร้อยละ 7.34 ของวงเงินสินเชื่อ mSMEs ทั้งระบบ 3,292,457 ล้านบาท (ไตรมาส 1 ปี 2564 ธปท.) ซึ่งหากประเมินสถานการณ์กลุ่มสินเชื่อที่มีแนวโน้ม NPLs (ไฟเหลือง) จะพบว่ามีถึง 432,563 ล้านบาท หรือร้อยละ 13.14  ของวงเงินสินเชื่อ mSMEs ทั้งระบบ โดยเพิ่มขึ้นจากช่วงก่อนเกิดโควิด 19  ถึง 258,519 ล้านบาท (ไตรมาส 4 ปี 2562 ธปท.) กองทุนนี้จะช่วยให้ mSMEs ที่เป็น NPLs จากผลกระทบโควิด 19  และก่อนหน้านี้ ได้รับการดูแล แก้ไข ปรับปรุงหนี้อย่างเป็นระบบ และสามารถถอดบทเรียน บ่มเพาะให้ mSMEs เหล่านี้กลับสู่ระบบเศรษฐกิจอย่างมีคุณภาพ และอยู่ในระบบฐานภาษีของรัฐ จึงขอให้ทางรัฐบาลเร่งดำเนินการยกร่างพระราชบัญญัติกองทุนฟื้นฟู NPLs เพื่อการพัฒนา mSMEs ไทย  เป็นการด่วนเพื่อให้ทันต่อสภาวการณ์ปัจจุบัน

สมาพันธ์เอสเอ็มอีไทย และภาคีพันธมิตรเครือข่ายผู้ประกอบการเอสเอ็มอีไทย หวังเป็นอย่างยิ่งว่า มาตรการดังกล่าวข้างต้น จะได้รับการตอบสนองและพิจารณาช่วยเหลือผู้ประกอบการ SMEs อย่างเป็นรูปธรรม  เพื่อให้ทุกภาคส่วนผ่านพ้นสถานการณ์อันยากลำบากนี้ไปด้วยกัน . – สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

Taiwanese actress Barbie Hsu, who died of influenza at 48 sepia

“ซันไช่” นางเอกจาก F4 ซีรีส์ดังไต้หวันเสียชีวิตแล้ว

ไทเป 3 ก.พ.- ต้าเอส หรือที่ผู้ชมรู้จักในบทบาท “ซันไช่” นางเอกจากเรื่องรักใสใส หัวใจสี่ดวง (Meteor Garden) ซีรีส์ดังของไต้หวันในช่วงปี 2544 เสียชีวิตในวัย 48 ปี เพราะอาการแทรกซ้อนจากไข้หวัดใหญ่ ต้าเอสหรือบาร์บี สวี มีชื่อจริงว่า สวี ซีหยวน เป็นที่รู้จักไปทั่วเอเชียจากซีรีส์ดังที่คนมักเรียกกันสั้น ๆ เอฟ 4 (F4) มีข่าวลือแพร่สะพัดในโลกออนไลน์เมื่อวันที่ 2 กุมภาพันธ์ว่า เธอเสียชีวิตแล้ว และยิ่งเป็นกระแสหนักขึ้นไปอีกเมื่อนายหวัง เสี่ยวเฟย อดีตสามีที่เป็นนักธุรกิจได้เปลี่ยนรูปโพรไฟล์ในสื่อสังคมออนไลน์เป็นสีดำ และในเช้าวันนี้น้องสาวของเธอ สวี ซีตี้ ที่รู้จักในวงการบันเทิงว่า เสี่ยวเอส ยืนยันด้วยการส่งถ้อยแถลงถึงสถานีโทรทัศน์ทีวีบีเอส นิวส์ (TVBS News) ว่าพี่สาวของเธอถึงแก่กรรมเพราะปอดอักเสบที่เป็นอาการแทรกซ้อนจากไข้หวัดใหญ่ ต้าเอสเกิดเมื่อวันที่ 6 ตุลาคม 2519 เริ่มเข้าวงการในฐานะศิลปินคู่กับเสี่ยวเอสในชื่อวง เอสโอเอส  “S.O.S” เมื่อปี 2537 เธอมีลูก 2 คนกับอดีตสามี […]

“เต้ มงคลกิตติ์” หอบกล้องวงจรปิด 34 จุดคดี “แตงโม” มอบดีเอสไอ

นายมงคลกิตติ์ สุขสินธารานนท์ ที่ปรึกษาหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ เข้าพบ พ.ต.ต.ณฐพล ดิษยธรรม ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านคดีคุ้มครองผู้บริโภคและสิ่งแวดล้อม ในฐานะหัวหน้าคณะพนักงานสืบสวนข้อเท็จจริงคดีการเสียชีวิตของ น.ส.ภัทรธิดา (นิดา) พัชรวีระพงษ์ หรือแตงโม เพื่อมอบหลักฐานและให้ข้อมูลดีเอสไอ หลังรับเป็นเลขสืบสวนที่ 20/2568

“อนุทิน” ยังไม่รู้ ปม “โจ้มหาเฮง” แจ้งความเอาผิดคุณนายผู้ว่าฯ เบี้ยวค่าสลาก

“อนุทิน” บอกยังไม่รู้ ปม “โจ้มหาเฮง” แจ้งความเอาผิดคุณนายผู้ว่าฯ เบี้ยวเงินค่าสลาก ชี้หากจริง ผู้ว่าฯ เหนื่อยแน่

ข่าวแนะนำ

สมช.เคาะพรุ่งนี้ 9 โมง! ตัดไฟฟ้า-อินเทอร์เน็ต-น้ำมัน 5 จุด

สมช.เคาะตัดไฟฟ้า-อินเทอร์เน็ต-น้ำมัน 5 จุดในเมียนมา โยงแก๊งคอลเซ็นเตอร์ พรุ่งนี้ 09.00 น. เชื่อ เข้าใจหลังมีการหารือแจ้งให้เตรียมความพร้อมแล้ว ย้ำ ไม่แทรกแซงเรื่องภายใน

ผบช.ภ.2 สั่งย้าย ผกก.สภ.องครักษ์ เซ่นปม จนท.บุกทลายบ่อน

รมว.มหาดไทย ชื่นชมชุดปฏิบัติการพิเศษกรมการปกครอง บุกทลายบ่อนนครนายก ขณะที่ ผบช.ภ.2 สั่งย้ายผู้กำกับการ สภ.องครักษ์ เซ่นปมบ่อน พร้อมตั้งกรรมการสอบข้อเท็จจริง ใครบกพร่อง-รับผลประโยชน์ ยืนยันเอาผิดไม่มีละเว้น

ตร.เชื่อชิงทอง 113 บาท ก่อเหตุคนเดียว วางแผนมาอย่างดี

เหตุคนร้ายชิงทองในร้านทองกลางห้างดัง ย่านลำลูกกา จ.ปทุมธานี ได้ทองรูปพรรณ 113 บาท มูลค่ากว่า 5 ล้านบาท ตำรวจเชื่อคนร้ายก่อเหตุเพียงคนเดียว และวางแผนมาเป็นอย่างดี