เมื่อคืนที่ผ่านมา ถือเป็นคืนแรกที่รัฐบาลประกาศเคอร์ฟิวให้ประชาชนห้ามออกนอกเคหสถานภายในเวลา 21.00 น. ถึงเวลา 04.00 น. ของวันถัดไป ในพื้นที่ 10 จังหวัดควบคุมสูงสุดและเข้มงวด คือ กรุงเทพฯ และจังหวัดปริมณฑล ได้แก่ นครปฐม นนทบุรี ปทุมธานี สมุทรปราการ สมุทรสาคร และกลุ่มจังหวัดชายแดนภาคใต้ ได้แก่ นราธิวาส ปัตตานี ยะลา และสงขลา
ในพื้นที่กรุงเทพฯ เมื่อช่วง 21.35 น.วานนี้ พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ได้ลงพื้นที่มาตรวจการปฏิบัติงานการตั้งด่านตรวจสอบการห้ามเดินทางออกจากเคหสถาน บริเวณถนนรัชดาภิเษก ฝั่งขาออก หน้า สน.พหลโยธิน เป็นการทำงานแบบบูรณาการร่วมกัน ทั้งตำรวจ ทหาร เจ้าหน้าที่สำนักงานเขตจตุจักร เจ้าหน้าที่สาธารณสุข
สำหรับการตั้งด่านจะมีชุดโบกรถ จากนั้นจะเข้าสู่ช่องจอดรถ และประชาชนทุกคนจะต้องลงจากรถ ให้เจ้าหน้าที่ตรวจค้นรถ และมายื่นบัตรประชาชนให้เจ้าหน้าที่ตรวจสอบ ประวัติอาชญากรรม และรับการซักถามเพื่อบันทึกข้อมูลว่ามาจากที่ใดและมีภารกิจจะไปที่ใด โดยทุกคนจะต้องผ่านการตรวจคัดกรองโรคในการวัดอุณหภูมิไข้ด้วย โดยพบว่ามีประชาชนที่เพิ่งเลิกงาน ทำงานเกี่ยวกับการขนส่ง ทำงานเป็นกะ ก็จะแจ้งกับเจ้าหน้าที่ ซึ่งเป็นกลุ่มที่ได้รับการยกเว้น และพบว่ามีประชาชนบ่างส่วนที่อยู่ระหว่างเลิกงานแล้วเดินทางกลับบ้าน ซึ่งเจ้าหน้าที่ได้ลงบันทึกเป็นข้อมูลไว้ตามขั้นตอน
พล.ต.อ.สุวัฒน์ ระบุว่า วันแรกยังมีประชาชนจำนวนหนึ่งที่ยังปรับตัวอยู่ในการออกจากบ้านเกินเวลา ซึ่งในระยะแรก ช่วงไม่เกิน 22.00น.จะเน้นการตักเตือนก่อน แต่ก็มีเจ้าหน้าที่จะเก็บประวัติข้อมูลไว้ หากมีการทำผิดซ้ำๆ ก็ต้องดำเนินการตามกฎหมาย ทั้งนี้ฝากแจ้งประชาชนว่าจะต้องทำความเข้าใจกับประกาศเรื่องการกำหนดเวลาห้ามออกจากบ้าน และให้ความร่วมมือกับเจ้าหน้าที่ตามที่รัฐบาลประกาศคือห้ามออกจากบ้าน 21.00-04.00 น. ส่วนประชาชนที่มีภารกิจความจำเป็นที่จะต้องออกจากบ้าน ก็จะมีเอกสารติดตัวมาแสดงกับเจ้าหน้าที่
บรรยากาศเมื่อคืนที่ผ่านมาในพื้นที่กรุงเทพฯ เงียบเหงา ไร้รถ ไม่มีผู้คน ราวกับเมืองร้าง เป็นภาพที่เราจะได้กลับมาเห็นอีกครั้ง หลังจากที่เคยมีการเคอร์ฟิวเมื่อต้นปีที่แล้ว
ภาพ – กิติภูมิ อนันต์