กทม.-29 มิ.ย.- สำนักงานตรวจคนเข้าเมืองโชว์ผลงานจับกุมผู้ต้องหาก่อคดีสำคัญรวม 3 คดี
พลตำรวจโทสมพงษ์ ชิงดวง ผู้บัญชาการสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง แถลงผลการจับกุมผู้ต้องหา 3 คดี คดีแรก ผลงานตำรวจ ตม.1 สามารถจับกุมขบวนการขนแรงงานกัมพูชาผิดกฎหมาย ได้ผู้ต้องหา 7 คน เป็นคนไทย 2 คน และกัมพูชาอีก 5 คน บริเวณถนนรามคำแหงขาออก ตรงข้ามซอยรามคำแหง 110
จากการสืบสวน กลุ่มนี้จะใช้รถตู้สีสันฉูดฉาด เช่น สีชมพู สีส้ม สีเขียว และติดแผ่นป้ายทะเบียนลักษณะเอียง 45 องศา เพื่อเป็นสัญลักษณ์ของกลุ่ม ตระเวนรับชาวกัมพูชา ในเขตกรุงเทพฯและปริมณฑล ราคาเที่ยวละ 6,500 บาท พาหลบหนีออกไปกัมพูชา ผ่านทางช่องทางธรรมชาติ มี นายบอย ชาวกัมพูชา ที่ยังหลบหนี เป็นนายหน้าคอยหาลูกค้าผ่านเฟซบุ๊ค ในลักษณะการไลฟ์สดชักชวนให้แรงงานกัมพูชาที่มีความประสงค์จะเดินทางกลับประเทศให้มาใช้บริการ อย่างไม่เกรงกลัวกฎหมาย มีนายใหญ่ ชาวไทย ร่วมขบวนการ ตำรวจอยู่ระหว่างขยายผลจับกุม
คดีที่ 2 ผลงานตำรวจ ตม. 1 จับกุมนายสแตนลีย์ ริชชี่ อายุ 35 ปี สัญชาติเนเธอร์แลนด์ ปลอมและใช้เอกสารปลอม และ พ.ร.บ.คนเข้าเมือง โดยเป็นคนต่างด้าวอยู่ในราชอาณาจักรโดยไม่รับอนุญาต หรือการอนุญาตสิ้นสุด
ก่อนหน้านี้ได้รับแจ้งจากสายลับว่ามี Pages ในเฟซบุ๊คชื่อ car planet เป็นเพจเกี่ยวกับการซื้อขายแลกเปลี่ยนรถยนต์ คาดว่ามีชาวต่างชาติเป็นแอดมินเพจ ได้ทำการซื้อขายรถยนต์ผิดกฎหมาย พบว่าเพจนี้ใช้ป้ายทะเบียนปลอมหลายคัน จึงไปตรวจสอบและติดตามจับกุมตัวนายสแตนลีย์ ได้ในซอยรามคำแหง 72 ตรวจสอบประวัติพบว่านายสแตนลีย์เข้ามาอยู่ในไทยโดยการอนุญาตสิ้นสุดมานานกว่า 10 ปีแล้ว ด้วยความที่อยู่เมืองไทยมานาน จึงเรียนรู้หาทางทำธุรกิจขายรถเถื่อน โดยการซื้อรถยนต์ต่อมาจากเพื่อนชาวต่างชาติที่พัทยาเนื่องจากผ่อนไฟแนนซ์ไม่ไหว จากนั้นก็สั่งทำป้ายทะเบียนปลอมผ่านทางอินเตอร์เน็ต เพื่อใช้สวมรถที่รับซื้อมา เพื่อตบตาการติดตามของไฟแนนซ์ ก่อนจะนำไปขายอีกทอดหนึ่ง ซึ่งทำเป็นอาชีพมาเป็นเวลานาน อย่างไม่เกรงกลัวต่อกฎหมาย ตำรวจจึงดำเนินคดีเพื่อผลักดันออกนอกประเทศต่อไป
สุดท้ายเป็นผลงานตำรวจ ตม.2 ในการจับกุมชายชาวจีน 2 คน ขณะพยายามพาเด็กชายอายุ 6 เดือน และเด็กชายอายุ 1 ปี ออกจากประเทศไทยไปเมืองเฉิงตู และเซี่ยงไฮ้ ประเทศจีน โดยถูกจับที่ท่าอากาศยานนานาชาติสุวรรณภูมิ
จากการตรวจสอบพบว่าทั้งสองรายมีการใช้เอกสารใบสูติบัตรปลอม อีกทั้งบิดามารดาของเด็กก็เป็นคนไทย ชายชาวจีนผู้นำพาไม่ได้เกี่ยวข้องแต่อย่างใด คาดว่าเป็นแก๊งอุ้มบุญที่มีการลักลอบนำเด็กทารกออกนอกประเทศ จึงควบคุมตัวดำเนินคดีและขยายผลถึงผู้ที่เกี่ยวข้องต่อไป.-สำนักข่าวไทย