กรุงเทพฯ 28 มิ.ย. – หอการค้าไทย เห็นด้วยไม่เลื่อน “คนละครึ่ง” และ “ยิ่งใช้ยิ่งได้” พร้อมมีมาตรการเยียวยา แต่ต้องเติมกำลังซื้อใหม่ในระบบเศรษฐกิจ
นายสนั่น อังอุบลกุล ประธานกรรมการหอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า สถานการณ์ตัวเลขผู้ติดเชื้อโควิด-19 ในวันนี้ยังไม่ลด โดยเฉพาะในกรุงเทพฯ และหลายจังหวัด ทางหอการค้าฯ เป็นห่วงเรื่องความสามารถในการดูแลผู้ป่วย และสถานการณ์ของระบบสาธารณสุข ควบคู่ไปกับสถานการณ์เศรษฐกิจที่ตอนนี้ยังไม่มีสัญญาณฟื้นตัว และจำเป็นต้องประคองกันไปก่อน การประกาศยกระดับมาตรการควบคุมการแพร่ระบาดที่ออกมา และมีผลดำเนินการเลย ก็ถือว่าเป็นวิธีการควบคุมการระบาดให้อยู่ในวงจำกัด และสร้างความมั่นใจในการเปิดประเทศในอนาคต แต่สิ่งสำคัญคือ การเร่งจัดวัคซีนลงพื้นที่เสี่ยงและมีการระบาดมาก ทั้งนี้ การยกระดับมาตรการควบคุมมีผลกระทบกับเศรษฐกิจแน่นอน และไม่เพียงเสียหายเฉพาะกรุงเทพฯ เท่านั้น แต่ยังกระทบไปยังจังหวัดอื่นๆ อีกด้วย
อย่างไรก็ตาม ทางมหาวิทยาลัยหอการค้าไทย ได้ทำการประเมินผลเสียหายทางเศรษฐกิจ ตั้งแต่เดือนเมษายนที่ผ่านมา พบว่า กระทบกับเศรษฐกิจประมาณ 300,000-500,000 ล้านบาท เนื่องจากการระบาดที่เพิ่มขึ้นและการปิดธุรกิจ ทั้งนี้ มาตรการยกระดับการควบคุมการแพร่ระบาดที่เพิ่งประกาศเพิ่มเติมมานั้น ก็ทำให้เศรษฐกิจเสียหายพอสมควร คาดว่าจะกระทบเพิ่มในเดือนกรกฎาคม ประมาณ 30,000-60,000 ล้านบาท/เดือน ซึ่งกระทบ GDP ประมาณร้อยละ 0.1-0.3 ดังนั้น จึงไม่ควรมีการคุมที่นานจนเกินไป ควรจะจำกัดเฉพาะพื้นที่และธุรกิจที่มีความเสี่ยงจะก่อให้เกิดแพร่ระบาดเท่านั้น เพื่อไม่ให้กระทบสถานการณ์ในระยะยาวจนเกินไป
สำหรับมาตรการกระตุ้นกำลังซื้อต่างๆ จำเป็นต้องเดินหน้าต่อ และเห็นควรเพิ่มเติมจำนวนเงินของมาตรการ “คนละครึ่ง” ตามข้อเสนอของ กกร. ที่เพิ่มจาก 3,000 บาท เป็น 6,000 บาท และหากเป็นไปได้ควรเร่งออกมาภายใน Q3 โดยใช้วงเงินที่จะกู้เพิ่มเติมก่อนหน้านี้ เพื่อให้เงินถึงประชาชนโดยเร็ว ส่วนมาตรการ “ยิ่งใช้ยิ่งได้” เป็นมาตรการที่จะช่วยให้ผู้ที่ยังมีกำลังซื้อมาจับจ่ายใช้สอย แต่เนื่องด้วยความยุ่งยากของการใช้สิทธิ ที่ต้องผ่าน e-wallet ทำให้มีคนลงทะเบียนน้อย ประกอบกับส่วนที่ได้เงินคืนนั้นมีจำนวนเงินไม่มากและไม่ดึงดูดใจผู้มาใช้มาตรการ เมื่อเทียบกับมาตรการ “ช้อปดีมีคืน” ที่ได้เคยดำเนินการในปีที่แล้ว ซึ่งมีขั้นตอนที่ง่ายต่อผู้ประกอบการและผู้ซื้อ โดยสามารถออกใบเสร็จและยื่นภาษีที่ถูกต้อง เป็นประโยชน์กับร้านค้าที่จดทะเบียนถูกต้องและอยู่ในระบบ และการเข้าร่วมมาตรการยิ่งใช้ยิ่งได้นี้ ประชาชนผู้มีเงินออมและยังมีกำลังซื้อ จะสามารถลดภาษีได้มากขึ้นตามฐานภาษี แม้ว่ารัฐบาลอาจสูญเสียรายได้การจัดเก็บภาษีไปบ้าง แต่ไม่ได้กระทบรายได้ในปีนี้ เนื่องจากเป็นรายได้จากการจัดเก็บภาษีในปีหน้า (ปี 2565) ซึ่งมาตรการนี้เป็นผลดีกับทุกฝ่าย และจะทำให้เงินหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจเพิ่มขึ้นทันที
“การประกาศยกระดับมาตรการควบคุม ไม่ควรมีระยะเวลานานเกินไป เพราะหลีกเลี่ยงไม่ได้ที่จะกระทบกับเศรษฐกิจ ทั้งในระยะสั้นและระยะยาว ดังนั้น รัฐบาลจึงต้องมีมาตรการเยียวยาช่วยเหลืออย่างเข้มข้น และตรงถึงผู้ประกอบการในช่วงนี้ให้รวดเร็วและตรงจุดเช่นกัน ในขณะเดียวกัน ก็ขอความร่วมมือจากผู้ประกอบการในการเข้มงวดและปฏิบัติตามมาตรการที่รัฐได้ออกมาอย่างเคร่งครัด เพื่อให้สามารถคุมการแพร่ระบาดได้อย่างรวดเร็ว นำมาสู่การเปิดให้ดำเนินกิจกรรมตามปกติได้อย่างรวดเร็วเช่นกัน” นายสนั่น กล่าว. – สำนักข่าวไทย