สยามพารากอน 17 ก.พ. – รัฐมนตรีช่วยพาณิชย์ย้ำงาน “Smart Startup 2017” สามารถยกระดับสร้างความเข้มแข็งให้เอสเอ็มอีและสตาร์ทอัพได้จริง เชิญชวนผู้ประกอบการเอสเอ็มอีและสตาร์ทอัพหน้าใหม่พบปะเจรจาเพิ่มช่องทางต่อยอดการค้า
นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ กล่าวว่า การจัดงาน “Smart Startup 2017” ระหว่างวันที่ 16-18 กุมภาพันธ์นี้ ที่สยามพารากอน ถือเป็นจุดเปลี่ยนครั้งสำคัญในภาคอุตสาหกรรมของไทย ซึ่งจะเป็นการบูรณาการทำงานร่วมระหว่างภาครัฐและเอกชนในรูปแบบประชารัฐที่พร้อมจะขับเคลื่อนเอสเอ็มอีและสตาร์ทอัพหน้าใหม่ที่จะยกระดับศักยภาพผู้ประกอบการเหล่านี้ให้มีความเข้มแข็งไปพร้อมกับการยกระดับประเทศไทยเข้าสู่ Thailand 4.0 เต็มรูปแบบตั้งแต่ปีนี้เป็นต้นไป
อย่างไรก็ตาม ภายในงานจะให้กลุ่มเอสเอ็มอีและสตาร์ทอัพรายเก่าที่มีประสบการณ์สูงเปิดโอกาสให้เอสเอ็มอีและสตาร์ทอัพหน้าใหม่เจรจาต่อยอดทางธุรกิจระหว่างกันและยังจะให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งกระทรวงพาณิชย์ กระทรวงอุตสหกรรม และอีกหลายหน่วยงานคอยให้คำปรึกษาและรับจดทะเบียนด้านต่าง ๆ ให้กับผู้ประกอบการอย่างเต็มที่ ดังนั้น งาน “Smart Startup 2017” ครั้งนี้จึงถือเป็นกิจกรรมสอดรับกับนโยบายรัฐบาลที่จะยกระดับประเทศไทยสู่ Thailand 4.0 ต่อการพัฒนาประเทศให้ปรับเปลี่ยนโครงสร้างเศรษฐกิจไทยไปสู่ Value Base Economy หรือเศรษฐกิจที่ขับเคลื่อนด้วยนวัตกรรม ความคิดสร้างสรรค์และเทคโนโลยี
ทั้งนี้ ที่ผ่านมากรมพัฒนาธุรกิจการค้าได้ปรับเปลี่ยนระเบียบและเงื่อนไขอำนวยความสะดวกให้กับกลุ่ม สตาร์ทอัพและเอสเอ็มอีต่อยอดทางธุรกิจเพิ่มขึ้น จากปัจจุบันกลุ่มสตาร์ทอัพกว่า 500 รายเป็นกลุ่มคนรุ่นใหม่ที่ทำธุรกิจด้านไอทีและบริการต่าง ๆ และสามารถเจรจาขายสินค้าในกลุ่มที่ต่างชาติเข้ามาซื้อสร้างมูลค่าเพิ่มขึ้น ซึ่งกรมพัฒนาธุรกิจการค้าอยู่ระหว่างรวบรวมข้อมูลยอดขายสินค้ากลุ่มนี้ว่าเพิ่มขึ้นมากน้อยแค่ไหน และพร้อมที่จะร่วมกันผลักดันให้กลุ่มคนรุ่นใหม่เติบโตอย่างยั่งยืน โดยการจัดงานวันแรกพบ ว่า เอสเอ็มอีและสตาร์ทอัพสามารถจับคู่ธุรกิจเจรจาซื้อขายมากถึงร้อยละ 70 ของสตาร์ทอัพที่เข้าร่วมงาน จึงเป็นสัญญาณดีที่จะผลักดันเอสเอ็มอีไทยให้มีเวทีเชื่อมโยงกับสตาร์ทอัพ แม้ทั้ง 2 กลุ่มดังกล่าวเมื่อเทียบกับต่างชาติยังมีสัดส่วนการเติบโตน้อย แต่เชื่อว่าจากจุดเริ่มต้นที่ดีน่าจะทำให้ธุรกิจทั้ง 2 กลุ่มเติบโตได้ในอนาคตแน่นอน.-สำนักข่าวไทย