กระบี่ 26 มี.ค.-เด็กชายชั้น ป.2 ถูกรุ่นพี่ราดซีม่า 6 ขวด อาการดีขึ้น รอยแผลที่ผิวหนังเริ่มแห้ง คาดอีก 7 วัน ออกจาก รพ.ได้ ขณะที่ผอ.รร. ให้รุ่นพี่ 2 คน ที่ก่อเหตุ ย้ายออกจากหอพักที่เกิดเหตุแล้ว และลงโทษตามกฎของโรงเรียน
จากกรณีเกิดเหตุนักเรียนพี่เลี้ยงชั้น ป.5 และชั้น ม.4 โรงเรียนแห่งหนึ่งในพื้นที่ อ.เขาพนม ซึ่งเป็นโรงเรียนประจำ ก่อเหตุใช้ยาซีม่า 6 ขวด ราดตามตัวของเด็กชายวัย 9 ขวบ ชั้น ป.2 ทำให้ผิวหนังเกิดรอยไหม้ ตั้งแต่ช่วงขาจนถึงลำคอรวมถึงอวัยวะเพศ อาการสาหัส แต่ปรากฏว่าครูที่ดูแลไม่ยอมนำส่ง รพ. จนพี่ชายและพี่สาวของนักเรียนที่ถูกทำร้าย ที่เรียนในที่เดียวกันมาเห็น จึงไปยืมโทรศัพท์ช่างทำประตูโทรหาแม่ให้มารับตัวไปรักษาตัวที่ รพ.เขาพนม เหตุเกิดเมื่อวันที่ 21 มี.ค. และถูกนำส่งตัวเข้า รพ.เขาพนม เมื่อวันที่ 23 มี.ค.ที่ผ่านมา
ความคืบหน้า นางจินตนา มาชะอุ้ม แม่ของเด็กชายที่ถูกรุ่นพี่ราดซีม่า บาดเจ็บ เปิดเผยว่า ขณะนี้น้องมีอาการีขึ้น แผลตามผิวหนังเริ่มแห้ง อาการปวดก็ลดลง หลังแพทย์รักษาด้วยการให้ยาฆ่าเชื้อ ยาแก้ปวด และล้างบาดแผลตามลำตัว คาดว่า 7 วัน ผิวชั้นนอกก็จะลอกออก ก็สามารถออกจากโรงพยาบาลได้ ส่วนเรื่องการแจ้งความดำเนินคดีกับผู้เกี่ยวข้องต้องรอให้ รพ.ออกใบรองรองแพทย์ก่อน จึงจะไปแจ้งความดำเนินคดีกับผู้เที่ยวข้อง
ขณะที่นายศักดิ์ชัย สุวรรณคต ผู้อำนวยการโรงเรียนราชประชานุเคราะห์ 37 บอกว่า หลังจากตั้งคณะกรรมกรรมการสอบสวนแล้ว ได้สอบปาคำรุ่นพี่ทั้ง 2 ที่ก่อเหตุ เบื้องต้นทราบว่าเหตุดังกล่าว เกิดขึ้นเมื่อ 18 มี.ค.64 ซึ่งทางรุ่นพี่ได้ลงโทษเด็กในหอพักที่ไม่รักษาความสะอาด ด้วยการ ใช้โลชั่นซีม่า เช็ดตามตัว ในวันที่เกิดเหตุ ไม่มีอาการรุนแรง ครูที่ควบคุม จึงไม่ได้นำตัวส่งรพ. ซึ่งเหตุที่เกิดขึ้นทางรุ่นพี่ก็ได้ลงโทษไปตามกกฎของหอพักโรงเรียน แต่อาจจะรู้เท่าไม่ถึงการณ์ ใช้ยาเกินขนาด จึงทำให้รุ่นน้องได้รับบาดเจ็บรุนแรง แต่อย่างไรก็ตามในระหว่างที่มีการตั้งคณะกรรมการสอบได้ให้รุ่นพี่ที่ก่อเหตุทั้ง 2 คน ย้ายออกจากหอดังกล่าวไปอยู่ที่หออื่นแล้ว ลงโทษไปตามกฎของโรงเรียน แต่ไม่ถึงขั้นไล่ออก
นอกจากนี้ยังเพิ่มมาตรการควบคุมรุ่นพี่ โดยให้ครูคอยดูแลเพิ่มเข้มงวดไม่ให้ลงโทษจนเกินเหตุอันควร ขอให้ผู้ปกครองมั่นใจ ทางโรงเรียนพร้อมรับผิดชอบ และไม่อยากให้เด็กชายคนดังกล่าวต้องย้ายโรงเรียน ตนขอรับรองว่าจะไม่มีเหตุการณ์ในลักษณะดังกล่าวอีก ซึ่งที่ผ่านมาก็ได้พูดคุยทำความเข้าใจกับผู้ปกครองแล้ว.-สำนักข่าวไทย