จันทบุรี 17 ธ.ค. -ชาวสวนทุเรียนวอนรัฐทบทวนแผนเวรคืนที่ดินสร้างสายส่งไฟฟ้าภาคตะวันออก ขณะที่กระทรวงพลังงานเดินหน้าโครงการโรงไฟฟ้าพลังน้ำขนาดเล็กเพื่อชุมชน หวังแก้ภัยแล้งและผลิตไฟฟ้าจำนวน 25 แห่ง ขนาด 3 เมกะวัตต์
พลเอก อนันตพร กาญจนรัตน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน นำคณะผู้บริหาร ข้าราชการ เจ้าหน้าที่กระทรวงพลังงาน พร้อมสื่อมวลชน ลงพื้นที่จังหวัดจันทบุรี เพื่อร่วมหารือข้อราชการกับพลังงานจังหวัดในพื้นที่และตรวจติดตามสถานการณ์พลังงาน 7 จังหวัดในกลุ่มภาคตะวันออก ได้แก่ ฉะเชิงเทรา ชลบุรี ระยอง จันทบุรี ตราด ปราจีนบุรี และสระแก้ว โดย พลังงานจังหวัดได้แจ้งว่า มีการร้องเรียนจากชาวสวนทุเรียนถึงผลกระทบการก่อสร้างสายส่งไฟฟ้าแรงสูงที่มีการรอนสิทธิ์ ภายใต้การกำกับดูแลของคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) ทำให้ต้องตัดต้นทุเรียนกรณีสูงกว่า 3 เมตร กระทบต่อรายได้ จึงขอให้ทบทวนสร้างสายส่งให้สูงขึ้น เนื่องจากกระทบต่อการสวนทุเรียนในภาคตะวันออก
พลเอกอนันตพร ยังได้เยี่ยมชมศักยภาพการดำเนินงานโครงการไฟฟ้าพลังน้ำคิรีธาร และโครงการไฟฟ้าพลังน้ำคลองทุ่งเพล โครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ จากพระมหากรุณาธิคุณของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ที่กระทรวงพลังงานน้อมนำมาสืบสานพระราชปณิธานเพื่อประโยชน์ของประชาชนในพื้นที่ และยังได้ไปเยี่ยมชมสวนผลไม้ของเกษตรกรที่ได้รับประโยชน์จากโครงการไฟฟ้าคลองทุ่งเพล พร้อมพบปะกับตัวแทนกลุ่มผู้ใช้น้ำจาก 4 ตำบล คือ ตำบลพลวง ตำบลตะเคียนทอง (บางส่วน) อำเภอเขาคิชฌกูฏ และตำบลวังแซ้ม ตำบลฉมัน อำเภอมะขาม อีกด้วย
พลเอก อนันตพร กาญจนรัตน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน เปิดเผยว่า โครงการไฟฟ้าพลังน้ำคิรีธาร และโครงการไฟฟ้าพลังน้ำคลองทุ่งเพล มีความสำคัญต่อการพัฒนาคุณภาพชีวิตของประชาชนชาวจังหวัดจันทบุรี ในการจัดหาน้ำในช่วงหน้าแล้ง การป้องกันน้ำเค็มจากทะเล และป้องกันน้ำท่วมในช่วงหน้าฝนให้กับเกษตรกรสวนผลไม้ในจังหวัดจันทบุรี ตลอดจนช่วยลดปัญหาเรื่องปริมาณกระแสไฟฟ้าไม่เพียงพอในพื้นที่ด้วย ที่สำคัญโครงการไฟฟ้าพลังน้ำคิรีธาร เป็นโครงการที่ได้รับพระมหากรุณาธิคุณจากพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ในการเสด็จประกอบพิธีเปิด เมื่อวันที่ 21 มิถุนายน 2531 และพระราชทานนามว่า “เขื่อนไฟฟ้าพลังน้ำคิรีธาร” โครงการดังกล่าวสามารถผลิตไฟฟ้าได้ปีละ 27 ล้านหน่วย สามารถช่วยเสริมกับระบบไฟฟ้าที่มีอยู่โดยเชื่อมโยงสถานีจ่ายไฟฟ้าจันทบุรี บ้านหนองหว้า อำเภอเมือง จังหวัดจันทบุรี รวมถึงทดแทนการใช้น้ำมันเชื้อเพลิงในการผลิตไฟฟ้า ได้ประมาณปีละ 6.95 ล้านลิตรต่อปี และลดการนำเข้าน้ำมันดิบจากต่างประเทศได้ปีละ 5.98 ktoe (พันตันเทียบเท่าน้ำมันดิบ) นอกจากนี้ ยังก่อให้เกิดประโยชน์ทางด้านการเกษตรกรรมในเขตจังหวัดจันทบุรีเป็นพื้นที่ 35,000 ไร่
ทั้งนี้ โครงการไฟฟ้าพลังน้ำคิรีธาร ได้เดินเครื่องผลิตและจำหน่ายกระแสไฟฟ้าเข้าสู่ระบบของ การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย ตั้งแต่วันที่ 4 ธันวาคม 2529 ในรูปแบบ Non-Firm ปัจจุบันได้ทำสัญญาซื้อขายไฟฟ้ากับ กฟผ. ตั้งแต่วันที่ 21 มีนาคม 2554 มีผลการดำเนินงานตั้งแต่เริ่มโครงการจนถึงปัจจุบัน ในด้านกำลังการผลิตรวมอยู่ที่ 823 ล้านหน่วย มีการจำหน่ายไฟฟ้าเข้าระบบรวมอยู่ที่ 811 ล้านหน่วย มีรายได้รวมเป็นเงินกว่า 1,500 ล้านบาท
ส่วนโครงการไฟฟ้าพลังน้ำคลองทุ่งเพล เป็นโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช เนื่องในวโรกาสที่พระองค์ทรงเสด็จประกอบพิธีเปิดเขื่อนและโครงการไฟฟ้าพลังน้ำคิรีธาร เมื่อปี 2531 โดยทรงมีพระราชดำริเกี่ยวกับเรื่องการนำน้ำจากห้วยสะตอมายังเขื่อนคิรีธาร และโครงการไฟฟ้าพลังน้ำคลองทุ่งเพล เพื่อประโยชน์ในการเกษตรและการผลิตไฟฟ้าให้กับประชาชนในพื้นที่ ซึ่งทางสำนักงานพลังงานแห่งชาติในขณะนั้น หรือ กรมพัฒนาพลังงานทดแทนและอนุรักษ์พลังงานในปัจจุบัน ได้น้อมนำพระราชดำริมาศึกษาและจัดทำเป็นโครงการไฟฟ้าพลังน้ำคลองทุ่งเพล สามารถผลิตไฟฟ้าได้ปีละ 28.16 ล้านหน่วย ช่วยลดการสูญเสียในระบบสายส่ง และส่งเสริมความมั่นคง ในระบบสายส่งของประเทศ รวมถึงได้ส่งน้ำเพื่อการเกษตรในพื้นที่ 58,822 ไร่ ครอบคลุม 4 ตำบล ในอำเภอเขาคิชฌกูฏ และอำเภอมะขาม คือ ตำบลพลวง ตำบลตะเคียนทอง (บางส่วน) อำเภอเขาคิชฌกูฏ และตำบลวังแซ้ม ตำบลฉมัน อำเภอมะขาม
นอกจากนี้ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน ยังได้กล่าวว่า กระทรวงพลังงานมีแนวทางพิจารณาการรับซื้อไฟฟ้าจากโครงการไฟฟ้าพลังน้ำขนาดเล็กในชุมชน จำนวน 25 แห่ง ขนาดกำลังผลิตรวม 2.97 เมกะวัตต์ เข้าระบบของการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (PEA) เพื่อให้เป็นไปตามแผน AEDP ที่มีเป้าหมายจะเพิ่มสัดส่วนการใช้พลังงานทดแทนเป็น 30% ในปี 2579 ขณะนี้อยู่ระหว่างการหารือในระดับนโยบายเพื่อหาข้อสรุปต่อไป.-สำนักข่าวไทย