กทม.20 ธ.ค.-หน่วยงานที่ดูแลด้านความมั่นคง ประชุมเตรียมพร้อมดูแลความปลอดภัยการจัดงานเคาดาวน์นับถอยหลังสู่ปี 2560 และดูแลสถานทูตรัสเซียและตุรกี หลังเอกอัครราชทูตรัสเซียประจำตุรกีถูกลอบสังหาร
พลตำรวจตรีภาณุรัตน์ หลักบุญ รักษาราชการแทนรองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล ฝ่ายดูแลความมั่นคง พร้อมตัวแทนจากกองทัพบก กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร (กอ.รมน.) สำนักข่าวกรองแห่งชาติ สำนักงานตำรวจตรวจคนเข้าเมือง กองบัญชาการตำรวจสันติบาล กรุงเทพมหานคร และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ประชุมวีดีโอคอนเฟอร์เร้นต์ร่วมกับศูนย์ปฏิบัติการตำรวจจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศชต.) เพื่อหารือเกี่ยวกับความมั่นคงในการเตรียมพร้อมดูแลการจัดงานช่วงเทศกาลปีใหม่ และการดูแลสถานเอกอัครราชทูตรัสเซียและสถานเอกอัครราชทูตตุรกี หลังนายแอนเดรย์ คาร์ลอฟ เอกอัครราชทูตรัสเซียประจำตุรกี ถูกคนร้ายยิงเสียชีวิตในเทศกาลภาพถ่ายในเมืองอังการา เมืองหลวงของประเทศตุรกี หลังเหตุการณ์ประท้วงกองทัพรัสเซียแทรกแซงสถานการณ์ในซีเรียเพียง 1 วัน โดยใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมง
พลตำรวจตรีภาณุรัตน์ เปิดเผยว่า การประชุมดังกล่าวเป็นการประชุมเตรียมความพร้อมในการดูแลความมั่นคงในช่วงเทศกาลคริสต์มาสและเทศกาลปีใหม่ และล่าสุดเอกอัครราชทูตประเทศรัสเซียประจำประเทศตุรกีถูกคนร้ายยิงเสียชีวิตที่ประเทศตุรกี รวมทั้งเมื่อเวลาประมาณ 20.30 น. ที่กรุงเบอร์ลิน ประเทศเยอรมัน มีคนร้าย 2 คนขับรถบรรทุกพุ่งชนเข้าไปกลางจัตุรัสกลางกรุงเบอร์ลินทำให้มีผู้เสียชีวิต 9 คน ซึ่งกระทบกับเรื่องความมั่นคงทั้งหมด โดยพลเอกประวิทย์ วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคง และพลตำรวจโทศานิตย์ มหถาวร ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล ได้สั่งการให้เรียกประชุมฝ่ายข่าวด้านความมั่นคง ทำการสำรวจในการติดตั้งกล้องซีซีทีวีให้ครอบคลุมพื้นที่ให้ได้มากที่สุด โดยเฉพาะบริเวณคลองแสนแสบมีท่าเรือทั้งหมด 27 ท่า ได้สั่งการให้ทางสน.ที่รับผิดชอบตรวจสอบว่ามีพื้นที่รับผิดชอบใดบ้าง มีกล้องซีซีทีวีและใช้ได้หรือไม่ กลางคืนไฟส่องสว่างเพียงพอหรือไม่ โดยพื้นที่ที่จะจัดให้มีงานเคาดาวน์จะมีการจัดงานเชิงศาสนาสวดมนต์ข้ามปีบริเวณแยกราชประสงค์ การละเล่นเครื่องดนตรีไทย การจัดงานไทยไฟท์ และบริเวณสนามหลวงก็มีการสวดมนต์ข้ามปี ทั้งนี้ เพื่อให้เกิดความปลอดภัยกับประชาชนให้มากที่สุด และสร้างความศรัทธากับนักท่องเที่ยวที่จะเดินทางเข้ามาช่วงปีใหม่ นอกจากนี้มีการวางมาตรการเกี่ยวกับสถานการณ์ที่เกี่ยวข้องกับความมั่นคงอื่นๆ อาทิ กรณีที่เกิดขึ้นเกี่ยวข้องกับประเทศรัสเซียและประเทศตุรกี พลตำรวจเอกศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ได้สั่งการผ่านโทรศัพท์ให้มีการจัดรถวิทยุสายตรวจ 191 ไปประจำ และให้สน.สุทธิสาร รับผิดชอบสถานทูตตุรกี และสน.บางรักรับผิดชอบสถานทูตรัสเซีย โดยตนได้สั่งการให้มีการตั้งด่านเพื่อป้องกันเหตุที่จะเกิดขึ้น แต่ยืนยันว่าเราไม่ใช่คู่ขัดแย้ง คาดว่าไม่น่าจะมีผลกระทบแต่อย่างใด เพียงแต่เรามีสถานทูตอยู่ในพื้นที่เท่านั้น ส่วนการข่าวช่วงปีใหม่จากพื้นที่สามจังหวัดชายแดนภายใต้จะมีการขึ้นมาก่อเหตุในพื้นที่กรุงเทพมหานครหรือไม่ เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมาได้ประชุมร่วมกับ ศชต. สันติบาล หน่วยข่าวกรอง จากการหารือทุกฝ่ายพูดตรงกันว่า ยังไม่มีข่าวว่าผู้ก่อเหตุจะขึ้นมาก่อเหตุในพื้นที่กรุงเทพมหานครแต่อย่างใด แต่ทั้งนี้ต้องไม่ประมาท โดยเฉพาะในพื้นที่กองบังคับการตำรวจนครบาล
3 และ 4 เจ้าหน้าที่ตำรวจนครบาลลงพื้นที่กดดันเฝ้าระวังตรวจค้นทุกวันไม่ว่าจะเป็นด้านอาชญากรรมและยาเสพติด ด้านศาสนาต่างๆ โบสถ์ยิว สถานที่ท่องเที่ยว อย่างไรก็ตามสาเหตุที่ต้องมีการเฝ้าระวังพื้นที่ท่าเรือนั้น ได้นำแนวคิดดังกล่าวมาจากสถานการณ์เกี่ยวเนื่องจากเหตุการณ์เมื่อปี 2550 ที่มีเหตุระเบิดในพื้นที่กรุงเทพมหานคร ผู้ต้องสงสัยก่อเหตุหายไปบริเวณท่าเรือ จึงได้มีการประสานกรุงเทพมหานครเพื่อขอข้อมูลกล้องซีซีทีวีมาเพื่อทำการตรวจสอบ วันที่ 23 ธันวาคมนี้ เวลา 13.30 น. พลตำรวจเอกเดชณรงค์ สุทธิชาญบัญชา รักษาราชการแทนรองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ จะประชุมคณะทำงานเพื่อสั่งการในการดำเนินการติดตั้งกล้องซีซีทีวีดังกล่าวร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติต่อไป.-สำนักข่าวไทย