ศบค.ผ่อนคลายร้านอาหาร-สถานบันเทิงถึงเที่ยงคืน คุมดื่ม 5 ทุ่ม

ทำเนียบรัฐบาล 23 ก.พ.- ศบค.ผ่อนคลายมาตรการพื้นที่เฝ้าระวังสูงเปิดร้านอาหาร-สถานบันเทิงได้ถึงเที่ยงคืน ส่วนพื้นที่ควบคุมให้ดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในร้านได้ถึง 5 ทุ่ม แต่ยังคุมเข้ม จ.สมุทรสาคร ส่วนแผนกระจายวัคซีน “กลุ่มแรก” ด่านหน้าเสี่ยงโควิด


นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดโควิด-19 (ศบค.) แถลงผลการประชุม ศบค.ชุดใหญ่วานนี้ (22 ก.พ.) ว่า ที่ประชุม ศบค. ได้กำหนดพื้นที่มาตรการผ่อนคลายกิจการกิจกรรม โดยพื้นที่เฝ้าระวัง 54 จังหวัด พื้นที่เฝ้าระวังสูง 14 จังหวัด ประกอบด้วย กาญจนบุรี สุพรรณบุรี พระนครศรีอยุธยา สระบุรี นครนายก ฉะเชิงเทรา เพชรบุรี ระยอง ชุมพร สงขลา ยะลา และนราธิวาส พื้นที่ควบคุม 8 จังหวัด ประกอบด้วย กรุงเทพฯ นนทบุรี ปทุมธานี สมุทรปราการ ตาก ราชบุรี สมุทรสงคราม และนครปฐม  และพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด 1 จังหวัด สมุทรสาคร

กิจการกิจกรรมที่ยังไม่สามารถทำได้ใน จ.สมุทรสาคร คือ ไม่อนุญาตให้เปิดสถานบันเทิง ผับ บาร์ สถานที่ออกกำลังกายกลางแจ้ง การเรียนการสอนยังต้องเป็นแบบออนไลน์ ส่วนพื้นที่ควบคุม (สีส้ม) 8 จังหวัด อนุญาตให้จำหน่ายเครื่องดื่มแอลกฮอล์และเล่นดนตรีสดในร้านได้ แต่ให้เปิดไม่เกิน 23.00 น. สำหรับพื้นที่ควบคุมสูง (สีเหลือง) 14 จังหวัด ร้านอาหารให้เปิดไม่เกิน 24.00 น. และในพื้นที่เฝ้าระวัง 54 จังหวัด ร้านอาหารเปิดได้ตามปกติ แต่ต้องปฏิบัติตามมาตรการสาธารณสุข


“หลายคนถามว่า ผ่อนคลายแบบนี้ก็สามารถดื่มได้แล้วในคืนวันที่ 22 ก.พ. จะได้ปลดปล่อย ต้องย้ำว่า เมื่อ ศบค.มีการกำหนดกรอบ แต่ละจังหวัดสามารถที่จะผ่อนคลายได้ หรือจะคุมเข้มกว่าที่ ศบค.ประกาศได้ ขึ้นอยู่กับผู้ว่าราชการจังหวัดและคณะกรรมการโรคติดต่อแต่ละจังหวัดจะพิจารณาจึงขอให้ประชาชนแต่ละพื้นที่ติดตามประกาศ” นพ.ทวีศิลป์ กล่าว

นพ.ทวีศิลป์ กล่าวอีกว่า สำหรับแผนการกระจายวัคซีนป้องกันโควิด-19 มี 3 เป้าหมาย 1.ลดอัตราการป่วยและตาย กลุ่มเป้าหมาย คือ ประชาชนที่มีความเสี่ยงสูง ที่จะป่วยรุนแรงและเสียชีวิตหากติดเชื้อ เช่น อายุมากว่า 60 ปี และมีโรคประจำตัวเรื้อรัง 2. เพื่อปกป้องระบบสุขภาพของประเทศ กลุ่มเป้าหมาย คือบุคลากรทางการแพทย์ด่านหน้า ทั้งภาครัฐและเอกชน และเจ้าหน้าที่เกี่ยวกับการควบคุมโรคโควิด-19 และผู้สัมผัสผู้ป่วยในงาน และ3.เพื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจและสังคมของประเทศ กลุ่มเป้าหมาย คือ ประชาชนทั่วไป แรงงานในภาคธุรกิจบริการ ท่องเที่ยว อุตสาหกรรม

ทั้งนี้ แบ่งเป็น 2 ระยะ เพราะหลายประเทศทั่วโลกต้องการวัคซีน ซึ่งระยะที่ 1 เมื่อมีวัคซีนปริมาณจำกัด กลุ่มเป้าหมาย 1.บุคลากรทางการแพทย์และสาธารณสุขด่านหน้า ทั้งภาครัฐและเอกชน 2.บุคคลที่มีโรคประจำตัว  3.ผู้ที่มีอายุ 60 ปีขึ้นไป และ 4.เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องกับการควบคุมโรคโควิด-19 ที่มีโอกาสสัมผัสผู้ป่วย


ระยะที่ 2 เมื่อมีวัคซีนมากขึ้นและเพียงพอกลุ่มเป้าหมายจะขยายมากขึ้น ก็สามารถกระจายให้ประชาชนทั่วไป นักการทูต เจ้าหน้าที่ระหว่างประเทศ และแรงงานในอุตสาหกรรม

นพ.ทวีศิลป์ ยังกล่าวว่า ศบค.ให้ความเห็นชอบแผนกระจายวัคซีน 2 แสนโดสแรก โดยกระจายใน 13 จังหวัด ประกอบด้วย 1. สมุทรสาคร จำนวน 70,000 โดส เป็นบุคลากรทางการแพทย์และสาธารณสุขด่านหน้า 8,000 โดส เจ้าหน้าที่ที่สัมผัสผู้ป่วย 6,000 โดส ผู้ที่มีโรคประจำตัว 46,000 โดส และประชาชนทั่วไปและแรงงาน 10,000 โดส

2.กรุงเทพฯ(ฝั่งตะวันตก) 66,000 โดส เป็นบุคลากรทางการแพทย์และสาธารณสุขด่านหน้า 12,400 โดส เจ้าหน้าที่ที่สัมผัสผู้ป่วย 1,600 โดส ผู้ที่มีโรคประจำตัว 47,000 โดส และประชาชนทั่วไปและแรงงาน 5,000 โดส

3.ปทุมธานี 8,000 โดส เป็นบุคลากรทางการแพทย์และสาธารณสุขด่านหน้า 3,000 โดส เจ้าหน้าที่ที่สัมผัสผู้ป่วย 2,000 โดส ผู้ที่มีโรคประจำตัว 2,000 โดส และประชาชนทั่วไปและแรงงาน 1,000 โดส

4.นนทบุรี 6,000 โดส เป็นบุคลากรทางการแพทย์และสาธารณสุขด่านหน้า 2,000 โดส เจ้าหน้าที่ที่สัมผัสผู้ป่วย 1,000 โดส ผู้ที่มีโรคประจำตัว 2,000 โดส และประชาชนทั่วไปและแรงงาน 1,000 โดส

5.สมุทรปราการ 6,000 โดส เป็นบุคลากรทางการแพทย์และสาธารณสุขด่านหน้า 2,000 โดส เจ้าหน้าที่ที่สัมผัสผู้ป่วย 1,000 โดส ผู้ที่มีโรคประจำตัว 2,000 โดส และประชาชนทั่วไปและแรงงาน 1,000 โดส

6.ตาก (อ.แม่สอด) 5,000 โดส เป็นบุคลากรทางการแพทย์และสาธารณสุขด่านหน้า 3,000 โดส เจ้าหน้าที่ที่สัมผัสผู้ป่วย 2,000 โดส

7.นครปฐม 3,500 โดส เป็นบุคลากรทางการแพทย์และสาธารณสุขด่านหน้า 2,500 โดส เจ้าหน้าที่ที่สัมผัสผู้ป่วย 1,000 โดส

8.สมุทรสงคราม 2,000 โดส เป็นบุคลากรทางการแพทย์และสาธารณสุขด่านหน้า 1,500 โดส เจ้าหน้าที่ที่สัมผัสผู้ป่วย 500 โดส

9.ราชบุรี 2,500 โดส เป็นบุคลากรทางการแพทย์และสาธารณสุขด่านหน้า 2,000 โดส เจ้าหน้าที่ที่สัมผัสผู้ป่วย 500 โดส

10.ชลบุรี 4,700 โดส 11.ภูเก็ต 4,000 โดส 12.อ.เกาะสมุย จ.สุราษฎร์ธานี 2,500 โดส และ13จ.เชียงใหม่ 3,500 โดส

สำหรับ 4 จังหวัดเป็นพื้นที่ขับเคลื่อนเศรษฐกิจและสังคม คือ ชลบุรี ภูเก็ต สุราษฎร์ธานี เชียงใหม่ จะมอบให้คณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัด พิจารณาจัดสรรจำนวนวัคซีนให้แต่ละกลุ่มเป้าหมายตามสถานการณ์และบริบทของพื้นที่ ส่วนอีก 16,300 โดส สำหรับควบคุมการระบาดและฉีดให้บุคลากรโรงพยาบาลที่รักษาผู้ป่วยโควิด-19 

ขณะที่การวางแผนให้บริการวัคซีนในโรงพยาบาลรัฐและเอกชน 1000 แห่ง จะให้บริการได้ 500 โดสต่อวัน ในระยะเวลา 20 วันต่อเดือน  เฉลี่ย 10 ล้านโดส

นพ.ทวีศิลป์ ยังกล่าวถึงการผ่อนคลายให้มีผู้เข้าชมในกิจกรรมต่างๆ อนุญาตให้มีผู้เข้าชมฟุตบอลไทยลีก 50% ของความจุสนาม, วอลเลย์บอลไทยแลนด์ลีก เข้าชมได้ 30% ของความจุสนาม, จักรยานชิงแชมป์ประเทศ และจักรยานชิงแชมป์นานาชาติ ให้คณะกรรมการควบคุมโรคจังหวัดกำหนดผู้ชมได้ ขณะที่การประกวดมิสแกรนด์ฯ เข้าชมได้ 30% ของความจุ

นอกจากนี้ที่ประชุมยังเห็นชอบให้ Transit Flight แวะต่อเที่ยวบินได้ที่สนามบินสุวรรณภูมิ โดยต้องตรวจ fit to fly โควิดฟรี ตรวจเอกสารต้นทาง แต่ห้ามออกไปร้านค้า และอยู่ในพื้นที่ที่กำหนดไม่เกิน 12 ชั่วโมง ขณะเดียวกัน ททท.ผลักดันมาตรการกักตัวเองบนเรือยอร์ช 14 วัน หรือ “ยอร์ช ควอรันทีน” โดยเรือศรชลจะเป็นหน่วยงานควบคุมกำกับ นพ.ทวีศิลป์ กล่าวทิ้งท้ายว่า ตามคำสั่ง ศบค.ชุดใหญ่ มาตรการผ่อนคลายเริ่มตั้งแต่วันที่ 22 ก.พ.64 แต่ขอให้ประชาชนตรวจสอบคำสั่งของบางจังหวัดที่อาจเข้มงวดมากกว่ามาตรการหลัก ส่วนการแถลงสถานการณ์ COVID-19 จะงดแถลงข่าววันเสาร์-อาทิตย์ และวันหยุดมาฆบูชา (26 ก.พ.) รวมทั้งสัปดาห์หน้าจะเริ่มแถลงสถานการณ์เฉพาะวันจันทร์ พุธ ศุกร์.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ฆ่าตัดนิ้วชิงทรัพย์

เร่งล่าฆาตกรโหดตัดนิ้วชิงทรัพย์หญิงวัย 67 ทิ้งศพกลางสวนปาล์ม

ตำรวจเร่งล่าฆาตกรโหดฆ่าตัดนิ้วหญิงวัย 67 ปี ชิงทรัพย์ ก่อนทิ้งศพกลางสวนปาล์ม อ.วังจันทร์ จ.ระยอง ชาวบ้านเผยพบรถเก๋งต้องสงสัยสีขาววิ่งเข้าไปในจุดพบศพ

จับนายก อบต.นาบัว

คอมมานโดบุกจับนายก อบต.นาบัว-พวก รวม 16 คน

คอมมานโดกองปราบฯ บุกจับฟ้าผ่า! นายก อบต.นาบัว อ.นครไทย ประธาน “ธนาคารหมู่บ้าน” พร้อมพวก รวม 16 คน ฐานร่วมกันฉ้อโกงและร่วมกันกู้ยืมเงิน มูลค่าความเสียหายนับร้อยล้านบาท

New Zealanders march towards Wellington to protest Indigenous treaty bill

ชาวเมารีเต้นฮากาประท้วงร่าง กม.นิวซีแลนด์

เวลลิงตัน 15 พ.ย.- ผู้คนในหลายเมืองทั่วนิวซีแลนด์เข้าร่วมการเดินขบวนมุ่งหน้าไปยังกรุงเวลลิงตัน เพื่อประท้วงร่างกฎหมายลิดรอนสิทธิของชนพื้นเมือง โดยมีการเต้นฮากาที่เป็นวัฒนธรรมของชาวเมารีในระหว่างการประท้วงด้วย รัฐสภานิวซีแลนด์ผ่านความเห็นชอบในเบื้องต้นเมื่อวานนี้ เรื่องการตีความใหม่สนธิสัญญาอายุ 184 ปี ที่มกุฎราชกุมารอังกฤษกับหัวหน้าชาวเมารีมากกว่า 500 คนลงนามในปี พ.ศ.2383 กำหนดเรื่องการปกครองนิวซีแลนด์ร่วมกัน ซึ่งเป็นแนวทางในการออกกฎหมายและนโยบายของประเทศมาจนถึงปัจจุบัน ความเคลื่อนไหวดังกล่าวทำให้เกิดการชุมนุมประท้วงตามเมืองต่าง ๆ ทั่วนิวซีแลนด์ โดยมีการจัดเดินขบวนเป็นเวลา 9 วันมุ่งไปยังกรุงเวลลิงตัน คาดว่าขบวนจะถึงเมืองหลวงในวันที่ 19 พฤศจิกายน ตำรวจแถลงวันนี้ว่า มีคนประมาณ 10,000 คน เข้าร่วมการเดินขบวนในเมืองโรโตรัว ห่างจากกรุงเวลลิงตันไปทางเหนือราว 450 กิโลเมตร ผู้ประท้วงแต่งกายในชุดชนพื้นเมือง มีการเต้นฮากาที่เป็นวัฒนธรรมของชาวเมารี โดยได้รับการต้อนรับจากคนจำนวนมากที่มาโบกธงเมารีและร่วมร้องเพลง.-814.-สำนักข่าวไทย

ข่าวแนะนำ

อุตุฯ เผยไทยตอนบนอุณหภูมิลดลงเล็กน้อย-ลมแรง

กรมอุตุฯ เผยประเทศไทยตอนบน อุณหภูมิลดลงเล็กน้อยกับมีลมแรง และอากาศเย็นในตอนเช้าในภาคเหนือ ภาคอีสาน โดยมีฝนบางแห่งในด้านตะวันตกของภาคเหนือและภาคกลาง ส่วนกรุงเทพฯ และปริมณฑล อุณหภูมิจะลดลงเล็กน้อยกับมีลมแรง

ลิงลพบุรีแหกกรง กว่า 200 ตัว จ่าฝูงนำทีมบุกโรงพัก

ลิงลพบุรีกรงแตก เพ่นพ่านกว่า 200 ตัว จ่าฝูงนำทีมบุกโรงพักท่าหิน ตำรวจปิดประตูหน้าต่างวุ่น ล่าสุดกลับมากินอาหารในกรงแล้วกว่า 100 ตัว กรมอุทยานฯ เร่งลุยจับ คาดใช้เวลา 2-3 วัน

มนุษย์ ภัยคุกคามพะยูน ?

ช่วงนี้พบพะยูนในทะเลฝั่งอันดามันตายเพิ่มขึ้นแบบถี่ยิบ จนน่าเป็นห่วงว่าพะยูนอาจสูญพันธุ์ไปในอนาคต โดยเฉพาะล่าสุดเมื่อมีการพบพะยูนตายในทะเลภูเก็ต อยู่ในสภาพถูกตัดหัว คาดนักล่าหวังเอาเขี้ยว

typhoon Man-Yi barrels through the Philippines

ซูเปอร์ไต้ฝุ่น “หม่านหยี่” เข้าฟิลิปปินส์

มะนิลา 17 พ.ย.- ซูเปอร์ไต้ฝุ่นหม่านหยี่ พัดเข้าเกาะลูซอนที่เป็นเกาะหลักและมีประชากรอยู่หนาแน่นที่สุดของฟิลิปปินส์แล้วในวันนี้ เสี่ยงทำให้เกิดฝนตกหนักในกรุงมะนิลาที่เป็นเมืองหลวง หม่านหยี่ เป็นภาษาจีนกวางตุ้ง เป็นชื่อของอ่างเก็บน้ำในฮ่องกง นับเป็นพายุลูกที่ 6 ที่พัดเข้าฟิลิปปินส์ในรอบ 1 เดือน มีความเร็วลม 185 กิโลเมตรต่อชั่วโมง อ่อนกำลังลงเล็กน้อยหลังจากขึ้นฝั่งเมืองปางานีบัน จังหวัดคาตันดัวเนส ที่เป็นเกาะขนาดเล็ก เมื่อคืนวันเสาร์ ข้ามมาจนถึงจังหวัดคามารีเนส นอร์เต บนเกาะลูซอน ในเช้าวันนี้ ไต้ฝุ่นลูกนี้มีแนวโน้มจะทำให้เกิดฝนตกหนักทั่วเขตมหานครมะนิลา ซึ่งมีการอพยพประชาชนจากพื้นที่เสี่ยงแล้วกว่า 1 ล้านคน แต่ยังไม่มีรายงานผู้บาดเจ็บหรือเสียชีวิต แม้ว่ากระแสลมแรงได้สร้างความเสียหายให้แก่สิ่งปลูกสร้างในจังหวัดคาตันดัวเนสก็ตาม.-820(814).-สำนักข่าวไทย