กทม. 15 ก.พ.-ศาลให้ประกัน 8 ผู้ชุมนุม 13 กุมภาพันธ์ คนละ 35,000 บาท ด้านทนายและครอบครัวอยู่ระหว่างปรึกษาเตรียมแจ้งความกลับตำรวจที่ทำร้ายร่างกายขณะจับกุม
กรณีเกิดการปะทะกันระหว่างมวลชน กลุ่มราษฎร และเจ้าหน้าที่ บริเวณหน้าศาลฎีกา ถนนราชดำเนินกลาง แขวงพระบรมมหาราชวัง เขตพระนคร กรุงเทพฯ เมื่อวันที่ 13 กุมภาพันธ์ ที่ผ่านมา เป็นเหตุให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บจำนวนมาก และตำรวจสามารถจับกุมผู้ชุมนุมได้ 8 ราย ก่อนนำไปคุมตัวที่กองบังคับการตำรวจตระเวนชายแดนภาค1 (ตชด.ภ.1) พร้อมยื่นคำร้องขอฝากขังผัดแรกในวันนี้
โดยนางสาวคุ้มเกล้า ส่งสมบูรณ์ ทนายความเพื่อสิทธิมุษยชน เป็นทนายความของผู้ต้องหาทั้ง 8 ราย มาที่ศาลอาญารัชดาภิเษก เพื่อรับมอบอำนาจทำเรื่องขอยื่นประกันทั้ง8 ผู้ต้องหา หลังศาลรับคำร้องฝากขัง
นางสาวคุ้มเกล้า เปิดเผยว่า ตนรับมอบอำนาจจากผู้ปกครองเเละญาติของผู้ต้องหา นำเงินสดมายื่นขอประกันตัวทั้ง8คนต่อศาล โดยยื่นประกันต่อคน คนละ 35,000 บาท ให้เหตุผลว่าทั้งหมดให้การปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหา ไม่มีพฤติกรรมยุ่งเหยิงพยานหลักฐาน มีเเหล่งที่อยู่อาศัยชัดเจนตามตัวได้
สำหรับ 1 ใน 8 ผู้ต้องหา ที่เป็นเยาวชน อายุ 19 ปี เป็นอาสาสมัครทีมเเพทย์ DNA เเละปรากฏภาพถูกเจ้าหน้าที่ทำร้ายขณะเข้าจับกุมในวันเกิดเหตุนั้น เบื้องต้นเจ้าตัวปฏิเสธว่าไม่ได้ร่วมขว้างปา ทำลายข้าวของ หรือทำร้ายเจ้าหน้าที่ เเต่ที่อยู่ในที่เกิดเหตุ เนื่องจากปฏิบัติหน้าที่ช่วยเหลือด้านการพยาบาล โดยมีหลักฐานเป็นกระเป๋าเเพทย์ใช้ปฐมพยาบาล รวมถึงเสื้อกั๊กสะท้อนเเสงสัญลักษณ์อาสาสมัครเเพทย์ที่ติดตัว และมีพยานเป็นบุคลากรทางการเเพทย์ของกลุ่ม DNA ยืนยันได้
จากการสอบถามเบื้องต้นทราบว่าอาสาทางการแพทย์คนดังกล่าวมีร่องรอยบาดเจ็บเป็นรอยลักษณะเป็นทางยาวที่บริเวณหลังและแขนน่าจะถูกกระบองฟาด ทั้งนี้อยู่ระหว่างการปรึกษากันว่าหลังจากนี้เตรียมเเจ้งความดำเนินคดีกับเจ้าหน้าที่ที่ทำร้ายอาสาสมัครทางการเเพทย์รายนี้ รวมถึงผู้ต้องหาในคดีนี้อีก 7 คนด้วย
เช่นเดียวกันกับ นายเกียรติตระกูล ใจไทย อายุ 47 ปี เป็นนักเขียนนามปากกา “บิ๊กป๋วยใจไทย” พ่อของเยาวชนวัย 19 ปีอีกรายที่ตกเป็น 1 ใน 8 ผู้ต้องหา เล่าว่า ตัวเองเห็นข่าวอาสาสมัครทางการแพทย์ที่ถูกเจ้าหน้าที่ทำร้ายก่อนจับกุมตัวไป ก็เริ่มตกใจเนื่องจากรู้ภายหลังว่าลูกชายเข้าร่วมการชุมนุมในวันนั้นด้วย และไม่สามารถติดต่อได้เลยหลังเกิดเหตุ กระทั่งเมื่อ 10.00 น. ของวันนี้ เพิ่งทราบว่าลูกชายของตนเองถูกคุมตัวไปไว้ที่ ตชด.ภ.1 จากการพูดคุยกับลูกชาย 5 นาทีลูกชายยอมรับว่าอยู่ในจุดเกิดเหตุจริง แต่ส่วนตัวฝากตั้งคำถามไปถึงเจ้าหน้าที่ว่าเมื่อลูกชายยอมทรุดนั่งลงกับพื้นยอมให้จับกุมแล้วเหตุใดจึงยังต้องทำร้ายร่างกายขนาดนั้น ทั้งที่ตำรวจก็ยอมรับเองว่าจากการตรวจค้นไม่พบอาวุธอยู่ภายในตัวของลูกชายและผู้ต้องหารายอื่นๆ รวมทั้ง 8 คน ซึ่งตนก็คิดว่าคนที่ก่อเหตุยั่วยุ ขว้างปา ทำร้ายเจ้าหน้าที่ก่อนหน้านั้น คงหนีไปหมดเเล้ว พร้อมขอประณามการจับกุมของเจ้าหน้าที่ที่ใช้กำลังจับกุมบุคคลไม่มีทางสู้และไม่มีอาวุธ ว่าเป็นการกระทำเกินกว่าเหตุ
ในฐานะหัวอกคนเป็นพ่อเห็นคลิปการทำร้ายร่างกายต่างๆ แล้วยอมรับว่าสะเทือนใจ และรับไม่ได้เพราะลูกใครใครก็รัก หากลูกชายตนเองเป็นอะไรไปใครจะรับผิดชอบ
ภายหลังศาลรับคำร้องขอประกันตัวจากทนายความเเล้ว ล่าสุดเมื่อช่วงเย็นศาลอนุญาตให้ประกันตัวผู้ต้องหาทั้ง 8 ราย โดยหลังจากนี้ทั้งหมดจะถูกปล่อยตัวจากกองบังคับการตำรวจตระเวนชายแดนภาค1 (ตชด.ภ.1).-สำนักข่าวไทย