สุโขทัย 27 ม.ค. – ลูกชายป่วยจิตเวชจากประวัติการเสพยาเสพติด ทำร้ายร่างกายแม่ตัวเอง ตีหัวแม่จนเลือดอาบ และยังเดินแก้ผ้าล่อนจ้อนเข้าสู้ตำรวจ สุดท้ายเกลี้ยกล่อมนานกว่า 3 ชม. จึงยอมจำนนโดยดี
เหตุดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อวานนี้ (26 ม.ค.) โดย ร.ต.อ.อนุสรณ์ เนียมแก้ว รอง สว.(สอบสวน) สภ.ศรีสัชนาลัย จ.สุโขทัย ได้รับแจ้งเหตุจากเจ้าหน้าที่หน่วยกู้ภัยเทพนิมิตรว่า มีชายคลุ้มคลั่งทำร้ายร่างกายแม่ตัวเองได้รับบาดเจ็บ ที่บ้านหลังหนึ่งใน ต.หนองอ้อ อ.ศรีสัชนาลัย จ.สุโขทัย ที่เกิดเหตุเป็นบ้านปูนชั้นเดียว บริเวณชานหน้าบ้าน พบนายชัย (นามสมมติ) นั่งอยู่ในสภาพเปลือยกายล่อนจ้อน ถือมีดปลายแหลมยาว 1 คืบ ไม่ยอมให้ใครเข้าใกล้ บางครั้งทำท่าใช้มีดทำร้ายตัวเอง มีอาการโวยวายต่อเนื่อง
นายวิโรจน์ กาฟัก หัวหน้าหน่วยกู้ภัยเทพนิมิตร ซึ่งเดินทางมาถึงที่เกิดเหตุก่อน เปิดเผยว่า ตนเองได้รับแจ้งมีผู้ป่วยเป็นหญิงได้รับบาดเจ็บจากการหกล้ม ขอให้ช่วยนำส่งโรงพยาบาล จึงนำลูกทีมมาให้การช่วยเหลือ พบเจ้าของบ้านเป็นหญิงวัย 55 ปี ซึ่งเป็นแม่ของชายที่คลุ้มคลั่ง ได้รับบาดเจ็บที่ศีรษะและดั้งจมูก เลือดไหลอาบหน้า จึงปฐมพยาบาลให้เบื้องต้น เตรียมนำส่งโรงพยาบาล จู่ๆ นายชัย ก็ถืออาวุธมีดวิ่งออกมาจากหลังบ้าน พุ่งเข้าใส่จะทำร้ายพวกตน จึงรีบวิ่งหนีตายคนละทิศละทาง ชาวบ้านที่เห็นเหตุการณ์ได้ยิงปืนขึ้นฟ้าขู่ นายชัยจึงหยุดไม่ตามออกมาทำร้ายพวกตน จากนั้นจึงรีบแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจ
สอบถามเพื่อนบ้านใกล้เคียง ทราบว่า นายชัย เป็นผู้ป่วยจิตเวช จากการเสพยาเสพติดมาหลายปี ระยะหลังมักมีอาการคลุ้มคลั่งบ่อยๆ โดยก่อนเกิดเหตุทราบว่า ได้ใช้ให้ผู้เป็นแม่ต้มบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปให้กิน แต่แม่ต้มให้ช้าไม่ทันใจ จึงหงุดหงิดโมโหคว้าขวดตีหัวแม่ตัวเองจนได้รับบาดเจ็บ แต่แจ้งเจ้าหน้าที่ว่าหกล้ม เพราะไม่อยากให้ลูกชายถูกดำเนินคดี
เวลาต่อมา เจ้าหน้าที่พร้อมอุปกรณ์ไม้ง่ามสยบเหตุ พยายามเข้าควบคุมตัว แต่ไม่เป็นผล นายชัย ซึ่งมีรูปร่างใหญ่โต เกิดอาการคลุ้มคลั่งและต่อสู้จนไม้ง่ามหัก แล้ววิ่งปรี่ถือมีดเข้าหาเจ้าหน้าที่ จนต้องถอยร่นวิ่งหนีคนละทิศละทาง จากนั้นนายชัยได้กลับไปนั่งเปิดเพลงฟังอย่างสบายอารมณ์บริเวณหน้าบ้านตัวเอง
แต่เพียงครู่เดียว นายชัย เริ่มมีอาการอิดโรย อารมณ์เย็นลง ก่อนจะโยนมีดในมือทิ้ง แล้วเดินออกมาให้ควบคุมตัวแต่โดยดี หลังจากเหตุการณ์ผ่านไป 3 ชั่วโมง ตำรวจจึงควบคุมตัวขึ้นรถกระบะออกจากที่เกิดเหตุ เบื้องต้นตำรวจได้ประสานกับฝ่ายปกครองและทางโรงพยาบาล เพื่อนำตัวเข้าสู่ขั้นตอนการรักษา เนื่องจากเป็นผู้ป่วยอยู่แล้ว แต่ขาดการดูแลรักษาอย่างต่อเนื่อง ถือเป็นอุทาหรณ์สำหรับประชาชนที่มีญาติพี่น้องป่วยจิตเวช ต้องดูแลอย่างใกล้ชิด ไม่เช่นนั้นเขาอาจจะไปก่อความเดือดร้อนให้ผู้อื่นได้. – สำนักข่าวไทย