ทำเนียบรัฐบาล 20 ม.ค.- โฆษกรัฐบาล ระบุรัฐบาลคิดรอบด้านก่อนออกมาตรการเยียวยาผลกระทบจากโควิด ย้ำสัญญาจัดซื้อวัคซีน นอกจากนำเข้าแล้ว ต้องถ่ายทอดเทคโนโลยีการผลิตให้ไทยด้วย ยันไม่นำการเมืองมาเสี่ยงกับสาธารณสุข
นายอนุชา บูรพชัยศรี โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงมาตรการช่วยเหลือประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อนจากโควิด-19 ที่ระบาดใหม่ ว่า ขณะนี้รัฐบาลกำลังดูมาตรการต่าง ๆ เพื่อออกมาช่วยเหลือประชาชนให้ครอบคลุม รวมถึงผู้ประกอบการที่จะได้รับการช่วยเหลือในรูปแบบสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำ การเข้าถึงแหล่งเงินกู้ โดยกระทรวงการคลัง หรือธนาคารต่าง ๆ จะทยอยออกมาตรการช่วยเหลือ ควบคู่ไปกับการกระตุ้นเศรษฐกิจในประเทศไปในตัว
“เมื่อสถานการณ์โควิด-19 ดีขึ้นในเดือนมกราคมนี้ มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจจะทยอยออกมา เช่น โครงการคนละครึ่ง เฟส 3 เป็นต้น ส่วนการปลดล็อกมาตรการต่าง ๆ หลังจากนี้ ผู้ว่าราชการจังหวัด สาธารณสุขจังหวัด และ ศบค.ส่วนกลาง จะประชุมประเมินสถานการณ์ เพื่อปลดล็อกมาตรการต่าง ๆ ต่อไป โดยรัฐบาลรับทราบถึงความเดือดร้อนของประชาชน แต่การดำเนินมาตรการต่าง ๆ ต้องพิจารณาอย่างรอบด้าน” โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าว
นายอนุชา กล่าวถึงการนำเข้าวัคซีนป้องกันโควิด-19 ว่า รัฐบาลมีขั้นตอนจัดหาอย่างรอบคอบ ไม่มีเรื่องการเมืองเข้ามาเกี่ยวข้อง การดำเนินการต่าง ๆ มีคณะกรรมการวัคซีนแห่งชาติดูแล รวมถึงประเมินสถานการณ์ตั้งแต่ปลายปีที่ผ่านมา จนนำมาสู่การทำสัญญาระหว่างบริษัท แอสตราเซเนกา กับบริษัท สยามไบโอไซเอนซ์
“เป็นการทำสัญญาที่ต้องถ่ายทอดเทคโนโลยีการผลิตให้กับประเทศไทย ไม่ใช่การนำเข้าอย่างเดียว ซึ่งคนไทยจะต้องใช้วัคซีน 2 โดส/คน รวมแล้วประมาณ 130 ล้านโดส ต่อประชากร 66 ล้านคน ดังนั้น วัคซีนจะต้องมีประสิทธิภาพ ซึ่งถือเป็นเรื่องสำคัญ ขอให้ประชาชนเข้าใจและมั่นใจว่า รัฐบาลจะไม่นำเรื่องการเมืองมาเสี่ยงกับด้านสาธารณสุข เพราะไม่เช่นนั้นจะไม่ได้รับการยอมรับจากนานาชาติด้วย” โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าว.-สำนักข่าวไทย