กรุงเทพฯ 6 ม.ค.-ผลประชุม กกร.ย้ำขอให้ภาครัฐเร่งดูแลระบาดโควิด-19 รอบใหม่ให้เร็ว เสนอเพิ่มเงินกระตุ้นรอบใหม่ 2 แสนล้านบาท ขยายวงเงินคนละครึ่งจาก3,500บาทเป็น 5 พันบาท พร้อมลดคาดการณ์จีดีพีจากโต ร้อยละ 2.0-4.0 เหลือร้อยละ 1.5-3.5
นายกลินท์ สารสิน ประธานกรรมการหอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย ในฐานะประธานคณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบัน (กกร.) กล่าวภายหลังการประชุมว่า ปัญหาแพร่ระบาดของโควิด-19ระลอกใหม่ทั้ง ในประเทศและต่างประเทศ ทำให้การฟื้นตัวของเศรษฐกิจช้ากว่าที่คาดไว้ สี่ยงและผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 ในประเทศ และหากรัฐบาลไทยมีการดำเนินการ โดยใช้งบประมาณเยียวยาเพิ่มเติมอีก 200,000 ล้านบาทในการพยุงเศรษฐกิจ และหากควบคุมการแพร่ระบาดได้ภายในระยะเวลา 3 เดือน ก็จะทำให้เศรษฐกิจไทยปี 2564 จะขยายตัวได้ในกรอบร้อยละ 1.5-3.5 ลดลงจากประมาณการเดิมที่ กกร.คาดว่าขยายตัวได้ร้อยละ 2.0-4.0 ส่วนการส่งออกคาดในปี 2564 ขยายตัวเพียง ร้อยละ 3.0-5.0 อัตราเงินเฟ้อทั่วไปจะอยู่ในกรอบร้อยละ 0.8-1.0
กกร.มองว่า การระบาดโควิด-19 รอบใหม่ ตั้งแต่ปลายปี 63 กระทบเศรษฐกิจ โดยเฉพะาการท่องเที่ยวในประเทศซึ่งเป็นเครื่องยนต์หลักของการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจตลอดครึ่งหลังของปี 2563 หลังจากมีมาตรการเข้มงวดจำกัดการเดินทางในหลายจังหวัดที่มีประชากรมากหรือเป็นจุดหมายของการท่องเที่ยวในประเทศ และยังส่งผลลบต่อความเชื่อมั่นของผู้บริโภคและนักลงทุน ซึ่งคาดว่าจะมีผล 2-3 เดือน
สำหรับกิจกรรมการผลิตในภาคอุตสาหกรรมจะได้รับผลกระทบทางอ้อมจากเศรษฐกิจโลกฟื้นตัวช้ากว่าที่คาดไว้ เนื่องจากประเทศสำคัญๆ ใน Global supply chain อย่างจีนและไต้หวันยังควบคุมการระบาดได้ดี ทั้งนี้ ภาคการส่งออกในช่วงต้นปี 2564 อยู่ภายใต้ข้อจำกัดจากปัญหาขาดแคลนตู้คอนเทนเนอร์ในการส่งออกรวมถึงค่าเงินบาทที่ยังมีแนวโน้มแข็งค่า โดย ที่ประชุม กกร. เสนอให้ภาครัฐควรเร่งหามาตรการ ควบคุมโรคระบาดและช่วยเหลือผู้ประกอบการและแรงงานที่ได้รับผลกระทบ คือ
ประการแรก ต้องเร่งควบคุมการแพร่ระบาดและบังคับใช้มาตรการต่างๆที่ประกาศออกมาอย่างเคร่งครัด ควรจะ โฟกัส แม่นยำ ตรงจุด ถึงต้นตอการแพร่กระจายทั้งนี้ขอให้ควบคุมดูแลที่อยู่ของคนงานต่างด้าวให้เหมาะสมเพื่อระงับการแพร่ระบาด และเร่งจับผู้กระทำผิดทั้งบ่อนการพนัน และการนำเข้าแรงงานต่างด้าวอย่างผิดกฎหมาย รวมถึงสร้างความเชื่อมั่นให้สินค้าของประเทศว่าปัญหาการแพร่ระบาดส่วนใหญ่มาจากคนสู่คน ไม่ใช่จากอาหารหรือสินค้าสู่คน
ประการที่สอง ขอให้ภาครัฐเร่งดำเนินการเรื่องงบประมาณช่วยเหลือ 200,000 ล้านบาท โดยให้กำหนดวิธีการให้ชัดเจนปฏิบัติได้เร็วและให้ส่งผลได้อย่างมีประสิทธิภาพเพราะมีความเห็นว่าจะสามารถช่วยพยุงเศรษฐกิจได้ซึ่งอาจเป็นการต่ออายุโครงการคนละครึ่งและเพิ่มงบประมาณการใช้จ่ายต่อบุคคลเป็น 5,000 บาท จาก ปัจจุบัน 3,500 บาท มาตรลดภาระค่าใช้จ่ายให้ประชาชนและผู้ประกอบการที่ได้รับผลกระทบ เช่น ลดค่าไฟร้อยละ 5 รวมถึงการใช้เครื่องมือทางการเงินอย่าง Asset Warehousing และ บรรษัทประกินสินเชื่อขนาดย่อม (บสย. )อย่างมีประสิทธิภาพ
ประการที่สาม เร่งรัดเรื่องวัคซีนให้สามารถได้มาตามกำหนดเวลาและมีปริมาณที่เพียงพอรวมถึงกำหนดวิธีการและหลักเกณฑ์ในการกระจาย การขนส่ง และฉีดวัคซีนอย่างมีประสิทธิภาพ โดยจัดลำดับผู้ที่ได้รับวัคซีนก่อนหลังอย่างเหมาะสม
ประการที่สี่ เร่งรัดการใช้และการเจรจาการค้าทวิภาคี รวมถึงการให้สัตยาบันลงนามข้อตกลง RCEP ในการประชุมรัฐสภา เพื่อให้ข้อตกลงที่ลงนามไปเมื่อเดือน พ.ย. 63 มีผลบังคับใช้กลางปีนี้ เพื่อให้การฟื้นตัวของเศรษฐกิจมีแรงส่งเพิ่มในช่วงครึ่งปีหลัง –สำนักข่าวไทย