นนทบุรี 16 ธ.ค.-ตำรวจโชว์ผลงานส่งท้ายปี บุกทลายโกดังในพื้นที่นนทบุรี และขยายผลตรวจค้นบ้านเครือข่ายยาเสพติด ยึดยาของกลางเคตามีน และเฮโรอีนได้กว่า 500 กิโลกรัม
พลตำรวจเอกมนู เมฆหมอก รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ แถลงผลการตรวจค้นโกดังเลขที่ 57/7 ตำบลทวีวัฒนา อำเภอไทรน้อย นนทบุรี พร้อมยึดของกลาง ยาเคตามีน โดยโกดังแห่งนี้ มีถุงกระสอบบรรจุแป้งมัน น้ำหนักต่อถุงประมาณ 850 กิโลกรัม จำนวน 39 ถุง และในแต่ละถุงบรรจุแป้งมัน ได้ซุกซ่อนยาเคตามีนไว้ทุกถุง ตำรวจจึงเปิดกระสอบเพื่อตรวจสอบพบยาเคตามีน น้ำหนักมากกว่า 300 กิโลกรัม ซุกซ่อนไว้ในถุงแป้งมัน และคาดว่ายาเคตามีน เตรียมไว้เพื่อรอการส่งออกไปยังไต้หวัน
ตำรวจยังควบคุมตัวนางสาว เสาวภา อายุ 29 ปี ไว้สอบสวนขยายผล เบื้องต้นให้การอ้างว่ามีหน้าที่ดูแลการบรรจุและขนส่ง และทำเป็นครั้งแรก โดยให้การภาคเสธ แต่ให้ข้อมูลว่านายท็อปเป็นผู้มอบหมายให้ดูแลยาเสพติด เพื่อเตรียมขนส่งทางเรือออกนอกประเทศ โดยนำยาเคตามีน ใส่กล่องมาส่งที่โกดัง และแยกใส่ถุงแป้งมันอำพราง
พลตำรวจตรีพรชัย เจริญวงศ์ รองผู้บัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด กล่าวว่า จากการตรวจสอบเชื่อว่ามีกลุ่มนำเคตามีนที่บรรจุใส่ในกล่องชามาส่งที่โกดังแห่งนี้ จากนั้นกลุ่มผู้ต้องหาได้นำเคตามีนออกจากกล่องและเทใส่ถุงพลาสติกขนาดใหญ่ และนำใส่รวมในถุงแบ็กโฮขนาดใหญ่ และใช้แป้งมันปิดกลบเพื่อหลีกเลี่ยงการตรวจสอบของเจ้าหน้าที่
นอกจากนี้ เจ้าหน้าที่ยังขยายผลเข้าตรวจค้นบ้านเลขที่ 289ถนนประชาราษฎร์บำเพ็ญ เขตห้วยขวาง กรุงเทพฯ ภายหลังได้รับข้อมูลว่า นางสาวเสาวภา ผู้ต้องหา ได้เช่าไว้เป็นสถานที่ซุกซ่อนยาเสพติด บ้านหลังกล่าวลักษณะเป็นบ้านเดี่ยว สูง 2 ชั้น เนื้อที่ประมาณ 50 ตารางวา จากการตรวจค้นในห้องนอนชั้นที่ 1 พบเฮโรอีน อัดแท่งบรรจุอยู่ในกล่องกระดาษสภาพพร้อมส่ง จำนวน 600 แท่ง น้ำหนักรวมประมาณ 228 กิโลกรัม เจ้าหน้าที่จึงตรวจยึดไว้เป็นของกลาง
การตรวจค้นครั้งนี้ สืบเนื่องจากตำรวจจับกุมนางสาวเสาวภา และขยายผลจนพบข้อมูลในท์มือถือ เป็นภาพบ้านหลังหนึ่ง ต้องสงสัยว่าซุกซ่อนยาเสพติดไว้ และก็พบเฮโรอีนของกลาง โดยสังเกตได้ว่าภายในห้องที่พบยาเสพติดมีถุงลักษณะกระสอบปุ๋ยสำหรับขนย้ายข้ามแดน จึงคาดว่าบ้านหลังนี้เป็นสถานที่พักยาเสพติด และเป็นที่บรรจุ เพื่อเตรียมส่งออกไปยังต่างประเทศ ทั้งนี้ดูจากยาเสพติดที่ตรวจยึดได้ทั้ง 2 แห่ง คาดว่าเป็นยาเสพติดผ่านเข้ามาทางชายแดนทางภาคเหนือ
ขณะที่นางสาวเสาวภาให้ข้อมูลล่าสุด ยังอ้างว่าเป็นผู้เช่าบ้านหลังนี้จริง แต่มีนายท็อป ซึ่งเป็นคนรู้จักเป็นคนจ่ายค่าเช่าให้ โดยนายท็อป เป็นผู้นำยาเสพติดมาพักที่บ้านนี้ และตัวเองทำหน้าที่เป็นคนแพคบรรจุยาเสพติด ได้ค่าจ้างครั้งละ 10,000 บาท ทำมาลักษณะนี้มานาน 1 ปี ซึ่งก่อนหน้านี้เคยบรรจุไอซ์มาแล้ว 1 ตันด้วยตัวคนเดียว และเมื่อ 3 วันก่อน นายท็อปได้มาที่บ้านหลังนี้ แต่ตอนนี้ไม่ทราบว่าไปที่ใด ทราบเพียงปกตินายท็อปอาศัยอยู่ย่านประชาชื่น ส่วนเพื่อนบ้านบอกว่า นางสาวเสาวภา เพิ่งเช่าบ้านหลังนี้ได้ 1 เดือน ค่าเช่าประมาณ 25,000 บาท ตอนที่ย้ายมามีการขนของมาค่อนข้างมาก แต่ไม่รู้ว่าขนอะไร
คดีนี้ ตำรวจบอกว่าได้รับการประสานจากหน่วยปราบปรามยาเสพติดไต้หวัน (CIB) ให้ช่วยขยายผล ส่วนนายทุน และเครือข่ายตำรวจอยู่ระหว่างการสืบสวนขยายผล พร้อมฝากไปถึงผู้ที่ที่ธุรกิจให้เช่าบ้าน คอยสังเกตพฤติกรรมผู้เช่า หากพบสิ่งผิดปกติต้องสงสัยขอให้แจ้งตำรวจเพื่อทำการตรวจสอบ เนื่องจากปัจจุบันกลุ่มผู้ค้ายาเสพติดมักเช่าบ้านเป็นที่พักยาเสพติด แล้วย้ายไปเรื่อยๆ จึงยากต่อการตรวจสอบและติดตามตัว.-สำนักข่าวไทย