fbpx

รณรงค์ให้สังคมตระหนัก”ยุติความรุนแรง ต่อเด็กและสตรี”

สธ.25 พ.ย..-สถาบันสุขภาพเด็กแห่งชาติมหาราชินี กรมการแพทย์ แนะความรุนแรงต่อเด็กและสตรีเป็นปัญหาที่สำคัญ ควรได้รับการดูแลแก้ไขและรณรงค์ให้เกิดความตระหนักมากขึ้น


นายแพทย์สมศักดิ์ อรรฆศิลป์ อธิบดีกรมการแพทย์ กล่าวว่า วันที่ 25 พฤศจิกายนของทุกปี องค์การสหประชาชาติประกาศให้เป็น “วันยุติความรุนแรง ต่อเด็กและสตรีสากล” ประเทศไทย มติคณะรัฐมนตรีกำหนดให้เดือนพฤศจิกายนของทุกปีเป็นเดือนรณรงค์ยุติความรุนแรงต่อเด็กและสตรี โดยจะมีการรณรงค์ให้สังคมได้ตระหนักและร่วมกันป้องกันปัญหาความรุนแรงที่จะเกิดต่อเด็ก และสตรี ในครอบครัว รวมไปถึงความรุนแรงในสังคมทุกรูปแบบ เช่น ความรุนแรงในโรงเรียน โดนกลั่นแกล้งในโรงเรียน โดยผ่านการปฏิบัติงานของศูนย์พึ่งได้ในสถานพยาบาลต่างๆ จึงได้กำหนดแนวทางการป้องกันเกี่ยวกับสถานการณ์ความรุนแรงต่อเด็กและสตรี ป้องไม่ให้เกิดความรุนแรงโดยการร่วมมือจากทางโรงเรียน ครู ผู้ปกครอง เด็กนักเรียนในโรงเรียน และชุมชน ดังนี้ 1. โรงเรียนมีระบบในการดูแลจัดการปัญหาความรุนแรงที่ชัดเจน 2. ครูควรเป็นแบบอย่างที่ดี ส่งเสริมเด็กที่มีพฤติกรรมดีให้ได้รับการชื่นชม 3. ครอบครัวควรเป็นแบบอย่างที่ดี ไม่มีปัญหาความรุนแรงในครอบครัว ฝึกทักษะที่สำคัญให้แก่เด็ก การสื่อสาร การเข้าสังคม การจัดการปัญหา ทักษะการควบคุมอารมณ์และผ่อนคลายอารมณ์ สิทธิหน้าที่ ความรับผิดชอบ การเห็นคุณค่าในตัวเอง 4. นักเรียนควรมีทักษะ และปลูกฝังความคิด ไม่ควรนิ่งเฉย เพิกเฉยต่อความรุนแรง 5. ชุมชนไม่มีความรุนแรง หรือความเสี่ยงที่จะเกิดความรุนแรง

นายแพทย์อดิศัย ภัตตาตั้ง ผู้อำนวยการสถาบันสุขภาพเด็กแห่งชาติมหาราชินี เปิดเผยว่าในฐานะสถานพยาบาล มีหน้าที่รักษาและให้ความคุ้มครองเด็กที่ถูกกระทำรุนแรง โดยมีศูนย์พึ่งได้หรือ OSCC เป็นหน่วยงานหลักในการดูแลจากสถิติเด็กที่เข้ารับบริการที่ศูนย์พึ่งได้ (ปี 2547-2563) ของสถาบันฯ 1,307 ราย พบว่ามีการใช้ความรุนแรงต่อเด็กเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยมีทั้งความรุนแรงจากในครอบครัวและนอกครอบครัว เช่นโรงเรียน ชุมชน สถาบันสุขภาพเด็กแห่งชาติมหาราชินี ตระหนักถึงปัญหาที่เกิดขึ้นจึงได้กำหนดมีแนวทางการช่วยเหลือเกี่ยวกับสถานการณ์ความรุนแรงต่อเด็กและครอบครัว ดังนี้ 1.ตรวจร่างกายและให้การรักษาหากเกิดความบาดเจ็บทางร่างกาย 2. เข้าสู่กระบวนการของศูนย์พึ่งได้ด้วย การประเมินความปลอดภัยของเด็ก เพื่อไม่ให้เกิดการกระทำความรุนแรงซ้ำ 3.ส่งประเมินสภาพจิตใจและผลกระทบต่อเหตุการณ์ โดยจิตแพทย์เด็ก หากพบความผิดปกติ จะทำการบำบัดรักษาฟื้นฟูเด็ก และติดตามอาการอย่างต่อเนื่อง ร่วมกับประสานงานกับทางโรงเรียนเพื่อให้การช่วยเหลือ 4.นักสังคมสงเคราะห์ ประเมินทางสังคม สภาพแวดล้อม ทำงานกับเด็ก ผู้ปกครอง ครู โรงเรียน ชุมชน โดยอาศัยความร่วมมือจากแพทย์ พยาบาล นักวิชาชีพทั้งภายในและภายนอก สถาบันสุขภาพเด็กแห่งชาติมหาราชินี เช่น การแจ้งเหตุต่อ พนักงานเจ้าหน้าที่ ตาม พ.ร.บ.คุ้มครองเด็กพ.ศ.2546 และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องด้านการคุ้มครองเด็ก เพื่อร่วมกันวางแผนการให้การช่วยเหลือ ป้องกันปัญหาความรุนแรง ดำเนินการให้การสงเคราะห์และคุ้มครองสวัสดิภาพเด็กต่อไป หากต้องการสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมติดต่อกลุ่มงาน
สังคมสงเคราะห์ทางการแพทย์ สถาบันสุขภาพเด็กแห่งชาติมหาราชินี โทร. 1415 ต่อ 3327.-สำนักข่าวไทย


ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

พบศพโบลท์หญิงวัย 47 ในป่าหญ้าริมทาง คาดถูกฆ่าชิงรถ

โบลท์หญิงวัย 47 ปี หายตัวจากบ้านพักย่านดินแดง 9 วัน ล่าสุดพบเป็นศพในป่าหญ้าริมถนนสายนครชัยศรี-ห้วยพลู อ.นครชัยศรี จ.นครปฐม ส่วนรถยนต์โผล่ที่ จ.ภูเก็ต คาดถูกคนร้ายฆ่าชิงรถ

pagers on display

ทำไมยังมีการใช้ “เพจเจอร์” ในยุคสมาร์ทโฟน

ลอนดอน 19 ก.ย.- เพจเจอร์ หรือวิทยุติดตามตัวเป็นอุปกรณ์การสื่อสารยอดนิยมในช่วงคริสต์ทศวรรษ 1990 ที่ต้องหลีกทางให้แก่โทรศัพท์เคลื่อนที่ เนื่องจากเป็นการสื่อสารทางเดียว แต่ยังคงมีการใช้งานในบางกลุ่ม รวมถึงกลุ่มฮิซบอลเลาะห์ที่เพจเจอร์ระเบิดพร้อมกันหลายพันเครื่องทั่วเลบานอนเมื่อวันที่ 17 กันยายน แหล่งข่าวเผยว่า ฮิซบอลเลาะห์ใช้เพจเจอร์ เนื่องจากเป็นช่องทางสื่อสารเทคโนโลยีต่ำ ส่งข้อความผ่านสัญญาณวิทยุ จึงตรวจจับสัญญาณและตำแหน่งได้ยากกว่าโทรศัพท์เคลื่อนที่ที่ส่งสัญญาณไปยังเสาส่งที่อยู่ใกล้ที่สุด อีกทั้งไม่มีเทคโนโลยีระบุพิกัดบนพื้นโลกอย่างจีพีเอสด้วย อดีตเจ้าหน้าที่สำนักงานสอบสวนกลางหรือเอฟบีไอ (FBI) ของสหรัฐเผยว่า ในอดีตแก๊งอาชญากรรมโดยเฉพาะแก๊งค้ายาเสพติดในสหรัฐเคยนิยมใช้เพจเจอร์ แต่ขณะนี้หันมาใช้โทรศัพท์เคลื่อนที่แบบเติมเงินราคาถูกที่สามารถเปลี่ยนเครื่องและหมายเลขได้อย่างง่ายดาย ทำให้เจ้าหน้าที่ติดตามแกะรอยได้ยาก อย่างไรก็ดี  ศัลยแพทย์โรงพยาบาลใหญ่แห่งหนึ่งในสหราชอาณาจักรเผยว่า เพจเจอร์เป็นอุปกรณ์ที่แพทย์และพยาบาลสังกัดสำนักงานบริการสุขภาพแห่งชาติหรือเอ็นเอชเอส (NHS) ต้องพกติดตัวอยู่เสมอ เพื่อรับแจ้งข่าวในการปฏิบัติหน้าที่ เป็นช่องทางที่ถูกที่สุดและมีประสิทธิภาพมากที่สุดในการแจ้งข่าวทางเดียวกับคนจำนวนมาก เพจเจอร์หลายรุ่นสามารถส่งเสียงไซเรนและมีข้อความเสียงแจ้งให้ทีมแพทย์ไปรวมตัวที่ห้องฉุกเฉินได้ทันที ข้อมูลล่าสุดในปี 2562 ระบุว่า เอ็นเอชเอสใช้เพจเจอร์ประมาณ 130,000 เครื่อง คิดเป็นสัดส่วนมากกว่า 1 ใน 10 ของที่ใช้ทั่วโลก คอกนิทีฟมาร์เก็ตรีเสิร์ช  (Cognitive Market Research) ซึ่งเป็นบริษัทวิจัยคาดการณ์ว่า ตลาดเพจเจอร์จะเติบโตร้อยละ 5.9 ต่อปี จากปี 2566 ถึงปี 2573 […]

ข่าวแนะนำ

“อนุทิน” ลุยเชียงใหม่ร่วมบิ๊กคลีนนิ่ง ฟื้นฟูหลังน้ำลด

“อนุทิน” ลงพื้นที่เชียงใหม่ ร่วมทีม จนท.-กู้ภัย-อาสาสมัคร “บิ๊กคลีนนิ่ง” ฟื้นฟูเมืองหลังน้ำลด เร่งจ่ายเยียวยาผู้ประสบภัย