กรุงเทพฯ 17 พ.ย. – ผอ.สุวรรณภูมิชี้แจงข้อมูลการปรับแผนปรับปรุงพื้นผิวทางขับ ทางเข้าสู่หลุมจอด และหัวทางวิ่ง ให้ใช้เวลาสั้นลง ใช้วิกฤติให้เป็นโอกาสในช่วงที่ปริมาณเที่ยวบินยังน้อยจากการระบาดโควิด-19
นาวาอากาศโทสุธีรวัฒน์ สุวรรณวัฒน์ ผู้อำนวยการท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือ ทอท. เปิดเผยว่า จากที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิมีแผนซ่อมแซมปรับปรุงพื้นผิวทางขับ (Taxiway) ทางขับเข้าสู่หลุมจอด (Taxilane) และหัวทางวิ่ง (Runway) ระหว่างปี 2564 – พ.ศ.2568 แบ่งการดำเนินการออกเป็น 4 ระยะ ซึ่งจะทำการปรับปรุงบริเวณหัวทางวิ่ง 01L, 19L และ 19R ทางขับ B, C, D, E, G และ H ทางขับเข้าสู่หลุมจอด (Taxilane) T4, T5, T6, T7, T8, T9, T10, T11, T12, T13, T14, T15, T16 และ T17
อย่างไรก็ตาม การแพร่ระบาดของโควิด-19 ส่งผลให้ปริมาณเที่ยวบินลดลงมากตามจำนวนผู้โดยสารนั้น เป็นโอกาสเหมาะสมที่จะปรับแผนงานให้เร็วขึ้น ซึ่งจากการพิจารณารายละเอียดของโครงการสามารถปรับลดระยะเวลาการซ่อม จากเดิม 4 ปี เหลือเพียง 2 ปี คือ ระหว่างปี 2564-2566 โดยมีพื้นที่ซ่อมแซมรวมทั้งสิ้น 792,314 ตารางเมตร แบ่งงานซ่อมแซมออกเป็น 2 ระยะ คือ ระยะที่ 1 พื้นที่ 277,859 ตร.ม. มูลค่า 1,275 ล้านบาท ระยะเวลาก่อสร้าง 270 วัน และระยะที่ 2 พื้นที่ 514,455 ตร.ม. มูลค่า 3,125 ล้านบาท ระยะเวลาก่อสร้าง 450 วัน
สำหรับความคืบหน้าการปรับแผนงานดังกล่าว ปัจจุบันอยู่ในขั้นตอนการเตรียมเผยแพร่ข้อกำหนดรายละเอียดงานจ้าง (TOR) เพื่อจัดหาผู้รับจ้างของงานระยะที่ 1 ซึ่งคาดว่าจะเริ่มก่อสร้างไตรมาส 3 ปี2564
นาวาอากาศโทสุธีรวัฒน์ กล่าวว่า การปรับลดระยะเวลาการซ่อมดังกล่าวมีสาเหตุมาจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 ทำให้มีปริมาณจราจรทางอากาศ การจราจรภาคพื้น และการใช้บริการหลุมจอดอากาศยานน้อยลงสามารถบริหารจัดการหลุมจอดและเส้นทางการจราจรภาคพื้นของอากาศยานง่ายขึ้น และส่งผลให้การปิดพื้นที่ทางขับและหลุมจอดอากาศยาน เพื่อดำเนินการปรับปรุงมีข้อจำกัดลดลง สามารถส่งมอบพื้นที่ก่อสร้างให้ผู้รับจ้างเข้าดำเนินการพร้อมกันได้หลายพื้นที่ โดยไม่กระทบต่อการให้บริการผู้โดยสาร
การปรับปรุงพื้นผิวทางขับ ทางขับเข้าสู่หลุมจอด และหัวทางวิ่ง ครั้งนี้ มีความจำเป็นที่ต้องเร่งรัดให้มีการดำเนินงานตามแผน เนื่องจากบริเวณดังกล่าวต้องรองรับน้ำหนักอากาศยานมากกว่าบริเวณอื่น ๆ และเป็นบริเวณที่มีความถี่ในการใช้งานสูง ให้คงทนแข็งแรง สามารถรองรับน้ำหนักของอากาศยานขนาดใหญ่ได้เต็มประสิทธิภาพ โดยการปรับปรุงครั้งนี้จะเปลี่ยนแปลงรายละเอียดวัสดุพื้นผิวจากวัสดุแอสฟัลต์เป็นวัสดุปอร์ตแลนด์ซีเมนต์คอนกรีตพร้อมกับการติดตั้งระบบระบายน้ำใต้ดิน ซึ่งเป็นการดำเนินการตามผลการศึกษาและคำแนะนำของวิศวกรที่ปรึกษาอิสระ โดยคอนกรีตจะมีความแข็งแรงและทนต่อความชื้นที่เกิดจากน้ำใต้ดินซึ่งมีระดับสูงในบริเวณท่าอากาศยานสุวรรณภูมิได้ดี
ผอ.สุวรรณภูมิ กล่าวด้วยว่า ระหว่างดำเนินการมีมาตรการระยะสั้นรองรับ โดยจัดให้มีเจ้าหน้าที่ปฏิบัติงานตลอด 24 ชั่วโมง หากได้รับแจ้งหรือตรวจพบความชำรุดบกพร่อง จะทำการปิดพื้นที่เพื่อซ่อมแซมพื้นผิวอย่างเร่งด่วนในทันที สำหรับระยะกลาง จะดำเนินการซ่อมแซมพื้นผิวโดยเปลี่ยนชั้นวัสดุแอสฟัลต์เดิมให้เป็นวัสดุแอสฟัลต์ที่มีคุณภาพที่ดีขึ้นให้เป็นไปตามมาตรฐานความปลอดภัย อย่างไรก็ตาม จากการดำเนินงานในระบบการจัดการด้านนิรภัยของสนามบิน (Safety Management System) ของ ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ซึ่งมีการเก็บสถิติการแตกของพื้นผิวและการแก้ไขปัญหาโดยการปิดพื้นที่ซ่อมฉุกเฉิน พบว่าสถิติการตรวจพบพื้นผิวแตกร่อนและการปิดซ่อมฉุกเฉินลดลงอย่างมาก และปัจจุบันยังไม่พบเหตุการณ์อากาศยานได้รับความเสียหายจากพื้นผิวที่แตกร่อนแต่อย่างใด
นอกจากนี้ เพื่อให้การดูแลคุณภาพพื้นผิวทางวิ่ง ทางขับ และลานจอดอากาศยานอยู่ในมาตรฐานสูงสุดได้จัดตั้งคณะทำงานแก้ไขปัญหาคุณภาพผิวทางวิ่งทางขับและลานจอดอากาศยาน โดยมีการประชุมร่วมกับหน่วยงานต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง อาทิ บริษัท วิทยุการบินแห่งประเทศไทย จำกัด (บวท.) คณะกรรมการดำเนินงานธุรกิจการบินกรุงเทพ (AOC) เพื่อรายงานและประเมินสถานการณ์ตามมาตรฐานด้านความปลอดภัยของท่าอากาศยานสุวรรณภูมิเป็นประจำทุกสัปดาห์.-สำนักข่าวไทย