ปทุมธานี 16 พ.ย.-ผู้ใหญ่บ้านปทุมธานี นำร่องเสพพืชกระท่อมไม่ผิดกฎหมาย อยากให้ปลดล็อกทุกหมู่บ้าน
หลังจากที่กระทรวงมหาดไทยมีหนังสือแจ้ง 135 หมู่บ้าน/ชุมชนนำร่องเสพกระท่อมไม่ผิดกฎหมาย ตามมาตรา 58/2 แห่งพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ จำนวน 10 จังหวัด ซึ่งจังหวัดปทุมธานี ม.12 ต.คลองสาม อ.คลองหลวง จ.ปทุมธานี เป็นหนึ่งหมู่บ้านที่ถูกพิจารณาให้มีการปลูกเพื่อเสพ และเป็นหมู่บ้านนำร่องต้นแบบในการใช้พืชกระท่อม
ผู้สื่อข่าวจึงเดินทางไปพบกับ น.ส.เกษร แสงงิ้ว ผู้ใหญ่บ้านหมู่ 12 ตำบลคลองสาม อำเภอคลองหลวง จังหวัดปทุมธานี ประธานคณะกรรมการพืชกระท่อมตำบลคลองสาม ได้กล่าวว่าทางปปส.ได้มีการประชุมกันแล้วว่าให้ปลูกได้บ้านละ 3 ต้นเท่านั้น และห้ามจำหน่าย ซึ่งบ้านที่ปลูกก็ต้องไปขึ้นทะเบียนกับ ปปส.ก่อน และต้องมีหนังสือได้รับอนุญาตมีไว้และครอบครอง ซึ่งยาเสพติดให้โทษประเภท 5 และบ้านตนเองก็ปลูกไว้ 3 ต้น เนื่องจากพืชกระท่อมที่ชาวบ้านกินนั้นจะช่วยให้ขยันทำงานและไม่เหนื่อย เพราะชาวบ้านในตำบลคลองสาม ส่วนใหญ่ทำการเกษตรก็ต้องพึ่งใบกระท่อม และอีกอย่างหนึ่งพืชกระท่อมสามารถกินรักษาโรค เบาหวาน โรคเก๊า และอีกหลายโรค ตามที่คนโบราณได้บอกต่อๆกันมา โดยส่วนตัวแล้วผู้ใหญ่ไม่เคยกินพืชกระท่อม แต่ก็ยากให้รัฐบาลปลดล็อกทั้งประเทศ เนื่องจากตำบลคลองสาม ทุกหมู่บ้านปลูกพืชกระท่อมเกือบทุกครัวเรือน วันนี้หมู่ 12 ได้รับการปลดล็อก ซึ่งลูกบ้านของตนที่ปลูกต้นกระท่อม ก็ได้ไปขึ้นทะเบียนตามหลักเกณฑ์ที่กำหนดไว้ครบทุกครัวเรือนแล้ว
เมื่อช่วงบ่ายของวันนี้ เจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครอง และตำรวจปราบปรามยาเสพติดของ สภ.บางกล่ำ สนธิกำลังจู่โจมเข้าตรวจค้นและจับกุมพ่อค้าใบกระท่อมรายใหญ่ที่บ้านหลังหนึ่งภายในชุมชนเสือผ่าน อ.บางกล่ำ จ.สงขลา หลังได้รับแจ้งจากสายลับว่า ทางกลุ่มผู้ค้าใบกระท่อมได้มีการขนพืชใบกระท่อมลอตใหญ่เข้ามาในพื้นที่ และจับกุมนายไพรวัลย์ พละชาติ อายุ 33 ปี ซึ่งเป็นผู้ค้าใบกระท่อมรายใหญ่ และนายอนุชา กามล อายุ 27 ปี ลูกน้องได้คาบ้านพัก และนำไปตรวจยึดของกลางพืชใบกระท่อมที่เพิ่งไปขนมาจาก ชายแดนไทย-มาเลเซีย อ.สะเดา จ.สงขลา สดๆร้อนไม่ทันขนลงจากรถยนต์ที่จอดอยู่ด้านหลังบ้านจำนวน 6 กระสอบ น้ำหนักกว่า 300 กิโลกรัม และจากการตรวจค้นภายในบ้านยังพบยาแก้ไออีก 16ขวด รวมทั้งอุปกรณ์ผลิตน้ำต้มใบกระท่อม จึงยึดไว้เป็นของกลาง
จากการสอบสวนทั้งคู่ยอมรับสารภาพว่า ได้ร่วมกันค้าใบกระท่อมจริง โดย นายไพรวัลย์ ซึ่งเป็นพ่อค้าและเจ้าของใบกระท่อม ให้การว่า เริ่มค้าใบกระท่อมาได้ระยะหนึ่ง โดยมีทั้งขับรถไปขนเอง และรับมาจากเอเย่นต์อีกทอดหนึ่งที่ชายแดนไทย-มาเลเซีย โดยรับใบกระท่อมมาในราคากิโลกรัมละ 300 บาท และนำมากระจายให้กับกลุ่มผู้เสพและลูกค้าร้ายย่อยอื่นๆในราคากิโลกรัมละ 350 บาท โดยรับมาครั้งละ 200-300 กิโลกรัม ส่วนลูกน้องนั้นจะให้ค่าจ้างแล้วแต่จำนวนหรือปริมาณของใบกระท่อมในล็อตนั้นๆ อาจจะไม่กี่ร้อยบาทหรือมากกว่านั้น
เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ได้แจ้งข้อหาร่วมกันผลิตยาเสพติดให้โทษประเภท 5 (น้ำพืชกระท่อม) โดยผิดกฎหมาย และร่วมกันมียาเสพติดให้โทษประเภท 5 (ใบกระท่อม) ไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายโดยผิดกฎหมาย คุมตัวพร้อมของกลางส่งพนักงานสอบสวน สภ.บางกล่ำดำเนินคดี.-สำนักข่าวไทย