ลำดับเหตุการณ์คณะราษฎรเคลื่อนพลบุกทำเนียบฯ

กรุงเทพฯ 14 ต.ค. – สำนักข่าวไทย ประมวลเหตุการณ์สำคัญของการชุมนุมกลุ่มคณะราษฎร รวมถึงการรวมตัวคู่ขนานของกลุ่มต่างๆ ตลอดทั้งวันจนถึงช่วงเย็นวันนี้ ซึ่งพบว่ามีการกระทบกระทั่งกันในบางจุด ทำให้มีผู้บาดเจ็บเล็กน้อย


เวลา 08.00 น. กลุ่มผู้ชุมนุมคณะราษฎร รวมตัวกันที่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย เตรียมพร้อมเคลื่อนขบวนไปยังทำเนียบรัฐบาล พร้อมย้ำ 3 ข้อเรียกร้อง ไม่ให้ใช้ความรุนแรง ขณะที่ตำรวจระดมกำลังเตรียมพร้อม เน้นปิดกั้นตามเส้นทางจุดยุทธศาสตร์ ตามเส้นทางอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย แยกผ่านฟ้าลีลาศ ถ.ราชดำเนินนอก สะพานมัฆวานรังสรรค์ รวมถึงบริเวณสะพานเทวกรรมรังรักษ์ และสะพานชมัยมรุเชฐ ที่เป็นเส้นทางเคลื่อนขบวนสำรอง

เวลา 09.30 น. มีความเคลื่อนไหวบริเวณด้านหน้าทำเนียบรัฐบาล ฝั่งประตู 5 กลุ่มคณะกรรมการเครือข่ายไฟฟ้า ประปาและยา เพื่อชาติประชาชน (คฟปย.) และกลุ่มของ พล.ต.นพ.เหรียญทอง แน่นหนา ผอ.โรงพยาบาลมงกุฎวัฒนะ ทยอยรวมตัวกัน ภารกิจหลัก คือ รับเสด็จฯ โดยประกาศหากกลุ่มคณะราษฎรสกัดขบวนเสด็จฯ จะไม่ยินยอม และยอมรับว่า การที่ตำรวจคุมตัว “ไผ่ ดาวดิน” ดำเนินคดี อาจเป็นการเติมเชื้อไฟ


เวลา 10.00 น. สำนักงานตำรวจแห่งชาติ แถลงข่าวระดมกำลังตำรวจ 99 กองร้อย หรือ 14,000 นาย รับมือการชุมนุม และป้องกันการเผชิญหน้า หรือมือที่ 3 พร้อมแนะให้หลีกเลี่ยงเส้นทางโดยรอบอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย

ขณะที่เจ้าหน้าที่ส่วนหนึ่งได้ใช้น้ำและอุปกรณ์ทำความสะอาดสีที่ป้ายหน้าสำนักงานตำรวจแห่งชาติ หลังถูกมวลชนสาดสีใส่ป้าย เมื่อวานนี้ (13 ต.ค.)

เวลา 10.40 น. กลุ่มผู้สนับสนุนคณะราษฎรเข้าพื้นที่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย พร้อมนำรถเครื่องเสียงขนาดใหญ่ 2 คัน เข้าพื้นที่ ขณะที่ตำรวจได้ประกาศคืนพื้นผิวการจราจรและยุติการชุมนุม แต่ถูกโห่ร้องขับไล่ และจำใจต้องล่าถอยกลับไป เพราะมีกำลังน้อยกว่า


เวลา 11.00 น. พล.ต.ท.ภัคพงศ์ พงษ์เภตรา ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล เข้าพื้นที่เพื่อเจรจากับแกนนำ หวังขอให้เปิดการจราจร แต่ระหว่างนั้นกลุ่มมวลชนได้ผลักดันผู้บัญชาการตำรวจนครบาลออกจากแนวเวที แม้มีตำรวจนอกเครื่องแบบและการ์ดผู้ชุมนุมดูแล แต่ปรากฏว่ามี “แก้วน้ำปริศนา” จากกลุ่มผู้ชุมนุมเข้ามาถูกผู้บัญชาการตำรวจนครบาล

เวลา 11.30 น. พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ซึ่งปฏิบัติภารกิจที่ จ.ปทุมธานี ยังสงวนท่าทีเกี่ยวกับการชุมนุม แต่ยืนยันว่าได้กำชับให้เจ้าหน้าที่ดูแลอยู่ และไม่ให้สัมภาษณ์ใดๆ เพิ่มเติม

เวลา 12.00 น. เจ้าหน้าที่ได้นำรถเมล์มาจอดขวางและปิดถนนราชดำเนินกลาง บริเวณแยกผ่านฟ้าลีลาศ เพื่อป้องเส้นทางไม่ให้ผู้ชุมนุมคณะราษฎรเคลื่อนไปยังทำเนียบรัฐบาล ขณะที่มีการนำรถบรรทุกแท่งแบริเออร์มาปิดทางเข้า-ออก รอบทำเนียบรัฐบาล ทั้งบริเวณสะพานเทวกรรมรังรักษ์ เชิงสะพานอรทัย ถนนเลียบคลองผดุงฯ รวมถึงเชิงสะพานชมัยมรุเชฐ ถ.พิษณุโลก

ส่วนโลกโซเชียลฯ แห่แชร์ภาพรถหน่วยงานราชการหนึ่งขนประชาชนสวมเสื้อเหลืองนับร้อยคน ขึ้นทางด่วนกำแพงเพชร และลงทางด่วนยมราช ทำให้มีการตั้งคำถามว่า เหมาะสมหรือผิดกฎหมายหรือไม่ เพราะเป็นการขนคนขึ้นทางด่วน

เวลา 13.00 น. สถานการณ์ร้อนแรงมากยิ่งขึ้น หลังเกิดเหตุชุลมุนบริเวณอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย โดยพบผู้ชุมนุมบางส่วนของคณะราษฎร และประชาชนที่สวมเสื้อเหลือง เกิดการเผชิญหน้าและปะทะกันเล็กน้อยบน ถ.ราชดำเนิน พร้อมขว้างปาสิ่งของเข้าใส่กัน ขณะที่แกนนำคณะราษฎรได้ประกาศบนรถเครื่องขยายเสียง เรียกให้กลุ่มผู้ชุมนุมกลับมารวมตัวกันที่จุดชุมนุมฝั่งหน้าโรงเรียนสตรีวิทยา ขณะที่ตำรวจและการ์ดอาสาของกลุ่มคณะราษฎรได้พยายามเข้าห้ามปราม ก่อนทั้ง 2 ฝ่ายจะล่าถอยกลับไปยังจุดการชุมนุมของตัวเอง

เวลา 13.35 น. กลุ่มผู้ชุมนุมคณะราษฎรบางส่วนได้เข้าไปรื้อต้นไม้บริเวณฐานอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย พร้อมกับยึดพื้นที่เอาไว้ได้ จนเกือบทำให้เกิดการปะทะรอบ 2 ก่อนประกาศทวงคืนอนุสาวรีย์ประชาธิปไตยให้เป็นของประชาชน

เวลา 13.50 น. นายสุเทพ เทือกสุบรรณ ผู้ก่อตั้งพรรครวมพลังประชาชาติไทย พร้อมคณะ เดินทางถึงบริเวณลานพลับพลามหาเจษฎาบดินทร์ เพื่อร่วมรับเสด็จพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว พร้อมปฏิเสธว่าไม่ทราบข้อมูลภาพที่มีรถกระบะบรรทุกคนสวมเสื้อเหลือง ส่วน นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม อดีตสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดพิษณุโลก เดินทางมาร่วมสมทบกับกลุ่มเสื้อเหลือง ในฐานะกลุ่มไทยภักดี ที่บริเวณสะพานมัฆวานรังสรรค์

เวลา 14.25 น. แกนนำผู้ชุมนุมคณะราษฎร นำโดยนายอานนท์ นำภา และคนอื่นๆ ประกาศเคลื่อนขบวนและมวลชนออกจากอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย มุ่งหน้าไปยังทำเนียบรัฐบาล โดยมีแนวหน้าเดินนำขบวนเข้าไปเจรจากับเจ้าหน้าที่ในเส้นทางที่จะเคลื่อนผ่าน พร้อมย้ำให้ชุมนุมด้วยความสงบ

เวลา 14.50 น. กลุ่มมวลชนเดินเท้าไปยังเชิงสะพานผ่านฟ้าลีลาศ แต่มีกำลังตำรวจปักหลักสกัดไว้ แกนนำคณะราษฎรจึงเดินเข้าไปเจรจากับเจ้าหน้าที่ เพื่อขอเปิดแนวกั้น อย่างไรก็ตาม หลังแนวของเจ้าหน้าที่ตำรวจ ปรากฏว่ามีรถเมล์ ขสมก. จอดปิดบริเวณแยกผ่านฟ้าลีลาศ เต็มช่องจราจร ถ.ราชดำเนินกลาง ทำให้ไม่สามารถเดินผ่านไปได้ ส่งผลให้ภาพรวมการเจรจาจบลงที่กลุ่มผู้ชุมนุมต้องเปลี่ยนไปใช้เส้นทาง ถ.นครสวรรค์ แทน

เวลา 15.30 น. กลุ่มผู้ชุมนุมเดินเท้าไปตาม ถ.นครสวรรค์ โดยมีเจ้าหน้าที่ปิดกั้นถนน พร้อมนำแบริเออร์มาตั้งไว้บริเวณถนนเลียบคลองผดุงฯ ใกล้กับสะพานเทวกรรมรังรักษ์ รวมถึงพบว่ามีกำลังเจ้าหน้าที่ประจำที่สะพานอรทัย ทำให้ผู้ชุมนุมเดินเท้าไปตาม ถ.นครสวรรค์ มุ่งหน้าแยกนางเลิ้ง อย่างไรก็ตาม ปรากฏว่า บริเวณสะพานลอยก่อนถึงแยกนางเลิ้ง พบรถบัสของ ตชด. จอดปิดเส้นทาง และพบมวลชนไม่ทราบฝ่ายสวมเสื้อสีเหลืองยืนรออยู่หลังแนวตำรวจ

เวลา 15.50 น. กลุ่มผู้ชุมนุมพักการเดินเท้าที่บริเวณดังกล่าว โดยมีการส่งตัวแทนเข้าไปเจรจากับตำรวจ เพื่อขอให้เคลื่อนย้ายรถบัส ตชด.ออกจากถนน หวังจะเดินเท้าไปยังแยกนางเลิ้ง ก่อนเลี้ยวซ้ายไปตาม ถ.พิษณุโลก เพื่อจะข้ามสะพานชมัยมรุเชฐ แต่ระหว่างนั้นมีการเขย่ารถบัส ตชด.เล็กน้อย ก่อนที่จะรามือ และยังคงปักหลักอยู่บน ถ.นครสวรรค์ ห่างจากแยกนางเลิ้งไม่ไกล. – สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

นร.หญิง ม.1 จมทะเลดับ หลังโรงเรียนพาไปทัศนศึกษาที่ระยอง

โรงเรียนเอกชนแห่งหนึ่งใน จ.นครราชสีมา พานักเรียนไปทัศนศึกษาที่ จ.ระยอง นักเรียนหญิง ม.1 ถูกคลื่นดูดลงทะเลขณะเล่นน้ำ เสียชีวิต พ่อแม่สุดเศร้าสูญเสียลูกสาวคนเดียวของครอบครัว

น้ำท่วมเชียงใหม่

เชียงใหม่จมบาดาล น้ำท่วมครั้งประวัติศาสตร์

น้ำท่วมในตัวเมืองเชียงใหม่ ยังวิกฤติ หลังน้ำในลำน้ำปิงขึ้นสูงสุดทรงตัวสูงกว่า 5.30 เมตร ซึ่งสูงที่สุดตั้งแต่มีการวัดระดับน้ำปิง

น้ำท่วมขนส่งเชียงใหม่กระทบผู้โดยสาร เปิดจุดจอดรับ-ส่งชั่วคราว

น้ำขยายวงกว้างเข้าท่วมสถานีขนส่งเชียงใหม่แห่งที่ 2 และ 3 เต็มพื้นที่ ระดับน้ำสูงเกือบ 50 ซม. ผู้ประกอบการขนส่งต้องนำรถทัวร์โดยสารออกมาจอดรับ-ส่งบนถนนซุปเปอร์ไฮเวย์ ยืนยันผู้ประกอบการยังให้บริการตามปกติ

ระทึก! แท็กซี่พลิกคว่ำเกิดเพลิงไหม้ 5 ชีวิตรอดหวุดหวิด

รถแท็กซี่พลิกคว่ำและเกิดเพลิงลุกไหม้กลางถนนพระราม 9 ผู้โดยสารหญิงสติดีถีบประตูช่วยตัวเองและคนอื่นออกมาจากตัวรถรวม 5 ชีวิตได้ทัน แต่ในจำนวนนี้บาดเจ็บสาหัส 1 คน เป็นคนขับแท็กซี่ ตำรวจเร่งสอบสวนหาสาเหตุ

ข่าวแนะนำ

เชียงใหม่ยังอ่วม เจอน้ำท่วมครั้งประวัติศาสตร์

แม้ระดับน้ำปิงที่ทะลักท่วมตัวเมืองเชียงใหม่เริ่มลดลง จากที่เคยขึ้นสูงสุดถึง 5.30 เมตร ซึ่งถือว่าสูงที่สุดเท่าที่เคยวัดระดับมา จนทำให้เชียงใหม่เผชิญกับน้ำท่วมครั้งใหญ่สุดเป็นประวัติการณ์ บ้านเรือนหลายพันหลังและย่านการค้ายังจมน้ำ บางจุดยังท่วมสูงกว่า 2 เมตร ยังต้องเร่งอพยพผู้คนออกจากพื้นที่น้ำท่วม หลายคนต้องใช้ชีวิตอยู่ในรถที่จอดบนสะพาน

ระทึก! เรือคณะนายอำเภอคว่ำ ขณะช่วยผู้ประสบภัย

กู้ภัยเข้าช่วยเหลือ เรือคณะนายอำเภอฮอดพลิกคว่ำ ขณะฝ่ากระแสน้ำเชี่ยวเข้าไปช่วยผู้ประสบภัย ขณะที่จุดอื่นในเชียงใหม่ เร่งอพยพประชาชนที่ยังตกค้าง

เขื่อนเจ้าพระยาปรับเพิ่มการระบายน้ำ

น้ำเหนือเขื่อนเจ้าพระยาขึ้นไม่หยุด ล้นตลิ่งท่วมบ้านเรือน ต.ธรรมามูล อ.เมืองชัยนาท ขณะที่เขื่อนเจ้าพระยาปรับเพิ่มการระบายแบบขั้นบันไดต่อเนื่อง ล่าสุดเมื่อเวลา 11.00 น. น้ำระบายท้ายเขื่อนที่ 2,200 ลบ.ม./วินาที

เร่งอพยพชาวบ้านหลายร้อยครอบครัว น้ำปิงยังสูง

แม้ระดับน้ำปิงที่ไหลผ่านตัวเมืองเชียงใหม่ เริ่มลดลง หลังขึ้นสูงสุดถึง 5.30 เมตร แต่หลายชุมชนและย่านการค้ายังมีน้ำท่วมสูง โดยเฉพาะพื้นที่ตอนใต้ของเมือง น้ำยังเพิ่มสูง หลายร้อยครอบครัวต้องอพยพด่วน