สธ.ตั้งหน่วยพยาบาลดูแล ปชช.ก๊าซรั่วที่เขาค้อ

สธ.8 ต.ค.-สธ.เผยสถานการณ์ก๊าซแอมโมเนียรั่วในพื้นที่ อ.เขาค้อเริ่มคลี่คลาย ระดับความเข้มข้นแอมโมเนียในพื้นที่ 25 ส่วนในล้านส่วน เตรียมอพยพประชาชนกลับที่พัก มอบโรงพยาบาลเขาค้อ ตั้งหน่วยปฐมพยาบาลดูแลประชาชนที่อพยพ ตลอด 24 ชั่วโมง พร้อมติดตามเฝ้าระวังและประเมินสุขภาพประชาชนที่ได้รับผลกระทบเป็นระยะจนกว่าจะปลอดภัย


นพ.ภานุมาศ ญาณเวทย์สกุล ผู้ตรวจราชการกระทรวงสาธารณสุข เขตสุขภาพที่ 2ให้สัมภาษณ์ว่า ศูนย์บัญชาการเหตุการณ์ กรณี เหตุก๊าซแอมโมเนียรั่วไหล ณ โรงน้ำแข็งยั่งยืนเขาค้อ ตำบลแคมป์สน อำเภอเขาค้อ จังหวัดเพชรบูรณ์ เมื่อวันที่ 7 ตุลาคม 2563 เวลาประมาณ 13.30 น โดยการอำนวยการนายกฤษณ์ คงเมือง ผู้ว่าราชการจังหวัดเพชรบูรณ์ ได้บูรณาการหน่วยงานในพื้นที่และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เข้าดำเนินการ โดยพบผู้ได้รับบาดเจ็บ 2 ราย เป็นผู้ปฏิบัติงานในโรงงานและเจ้าหน้าที่ป้องกันภัยฝ่ายพลเรือน ทั้ง 2 รายได้รับการรักษาปลอดภัยแล้ว นอกจากนี้ ได้ประชาสัมพันธ์แจ้งเตือนให้ประชาชนในระยะ 500 เมตรจากที่เกิดเหตุ จำนวน 48 ราย ปิดประตู หน้าต่างให้มิดชิด และอพยพไปอยู่พื้นที่ปลอดภัย ณ วัดแคมป์สน พร้อมสั่งการให้โรงพยาบาลเขาค้อ เตรียมพร้อมรองรับเหตุฉุกเฉินตลอด 24 ชั่วโมง

ทั้งนี้ จากการตรวจสอบพบสาเหตุเกิดจากรอยรั่วจากวาล์วถังก๊าซในโรงงาน ขนาดบรรจุประมาณ 2 ตัน ที่ไม่สามารถปิดได้เนื่องจากชำรุดเสียหาย เจ้าหน้าที่ได้ดำเนินการฉีดน้ำบริเวณโดยรอบอย่างต่อเนื่องตลอดเวลา จนความเข้มข้นของก๊าซแอมโมเนียไม่เป็นอันตราย ตามคำแนะนำของผู้เชี่ยวชาญ ขณะนี้สถานการณ์เริ่มคลี่คลาย พบระดับความเข้มข้นแอมโมเนียในพื้นที่ 25 ส่วนในล้านส่วน เตรียมอพยพประชาชนกลับที่พัก โดยมอบหมายให้โรงพยาบาลเขาค้อ ตั้งหน่วยปฐมพยาบาลดูแลประชาชนที่อพยพ ตลอด 24 ชั่วโมง พร้อมติดตามเฝ้าระวังและประเมินสุขภาพประชาชนที่ได้รับผลกระทบเป็นระยะจนกว่าจะปลอดภัย พร้อมแนะนำหากมีอาการผิดปกติ เช่น หายใจติดขัด ไอ แสบตา ใจสั่น รีบไปพบแพทย์ทันทีหรือโทรสายด่วน 1669


สำหรับอันตรายของไอระเหยของแอมโมเนีย หากสูดดมเข้าไปจะทําให้เกิดการระคายเคืองและเกิดแผลไหม้ต่อระบบทางเดินหายใจ มีเสมหะ เจ็บหน้าอก ชักหมดสติ และอาจทําให้เสียชีวิตได้ หากสัมผัสแอมโมเนียจะทําให้ผิวหนังและตาไหม้และสูญเสียการมองเห็น และถ้าสัมผัสกับแอมโมเนียในสภาพของเหลวจะทําให้เกิดแผลไหม้เนื่องจากความเย็นจัด(Cold Burn)

ส่วนระดับความเข้มข้นของแอมโมเนียที่มีผลกระทบต่อสุขภาพ ในระดับ 50 ส่วนในล้าน ส่วนกลิ่นรุนแรงมากจนรู้สึกอึดอัด ระดับ 400 – 700 ส่วนในล้านส่วน จะแสบตาและจมูกรู้สึกระคายเคือง ระดับ 5,000 ส่วนในล้านส่วน กล้ามเนื้อเกร็งและหายใจไม่ออก อาจเสียชีวิตได้ภายใน 2 – 3 นาที ขอแนะนำประชาชนหากเกิดเหตุการณ์สารแอมโมเนียรั่ว ให้รีบออกจากพื้นที่ ใช้ผ้าชุบน้ำปิดจมูก ปาก รีบอาบน้ำชำระล้างร่างกายทันที .-สำนักข่าวไทย


ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

สำนักสงฆ์หูตาทิพย์

ขุดพบ 12 ศพ ในสำนักสงฆ์ลัทธิประหลาด “สอนหู-ตาทิพย์”

ขุดพบ 12 ศพ ในสำนักสงฆ์ลัทธิประหลาด “สอนหู-ตาทิพย์” พระอ้างใช้สอนวิปัสสนากรรมฐาน เบื้องต้นอายัดไว้พิสูจน์ดีเอ็นเอ พร้อมเอาผิดหัวหน้าสำนักสงฆ์ ฐานนำศพเก็บไว้ในสถานที่ที่ไม่ใช่สุสานและฌาปนสถาน

“สนธิ” ยื่นถอด “ตั้ม-เดชา” ออกจากทนาย

“สนธิ ลิ้มทองกุล” หอบหลักฐานบุกสภาทนายความ ถอดทนายตั้ม-ทนายเดชา ออกจากทนาย ระบุ ได้รับมอบอำนาจจาก “มาดามอ้อย” แล้ว เดินหน้าเอาผิด ทนายตั้มแบบสุดซอย ไม่ให้มีคนตกเป็นเหยื่อผู้รู้กฎหมายอีก

รัสเซียยิงขีปนาวุธข้ามทวีปรุ่นใหม่ถล่มยูเครน

ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ของรัสเซีย แถลงยืนยันว่ารัสเซียยิงขีปนาวุธข้ามทวีปรุ่นใหม่ถล่มภาคตะวันออกยูเครนเมื่อวานนี้ ตอบโต้ที่ยูเครนใช้ขีปนาวุธที่ได้รับมอบจากสหรัฐและอังกฤษ

ข่าวแนะนำ

โค้งสุดท้าย ศึกสองนารีชิงเก้าอี้ นายก อบจ.นครฯ

เหลือไม่ถึง 2 วันแล้ว ที่ชาวนครศรีธรรมราชจะได้ออกไปใช้สิทธิเลือกตั้งนายก อบจ.นครฯ ศึกนี้เป็นการสู้กันเองของพรรคร่วมรัฐบาล ฝ่ายหนึ่งต้องการรักษาฐานที่มั่นไว้ให้ได้ อีกฝ่ายต้องการเจาะฐานให้แตก เพื่อหวังครองที่นั่งการเมืองระดับชาติในสมัยหน้า

ร้อนระอุโค้งสุดท้าย ศึกชิงเก้าอี้ นายก อบจ.อุดรธานี

การเลือกตั้งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดอุดรธานี ครั้งนี้ดุเดือดเกินคาด ผู้สมัครจาก 2 พรรคใหญ่ลงชิงชัย ต่างเร่งเครื่องเต็มที่ในโค้งสุดท้าย การเลือกตั้งจะเกิดขึ้นในวันอาทิตย์ที่ 24 พ.ย.นี้ ใครจะเป็นผู้คว้าชัยชนะและสร้างการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญให้จังหวัดอุดรธานี ไปติดตามจากรายงาน

ความเห็นนักวิชาการ คดีทักษิณ

ศาลรัฐธรรมนูญมีมติไม่รับคำร้อง นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีและพรรคเพื่อไทย ร่วมกันกระทำการอันเป็นการใช้สิทธิหรือเสรีภาพเพื่อล้มล้างการปกครอง ขณะที่นักวิชาการชี้ว่าไม่ได้พลิกไปจากความคาดหมาย และผลจากคดีนี้ ไม่ทำให้เกิดจุดเปลี่ยนทางการเมือง แต่ก็ยังมีจุดเสี่ยงที่ต้องระวัง