สตูล 5 ต.ค. – ธอส.เผยแผนยุทธศาสตร์ปี 64-65 มุ่งรักษาความเป็นผู้นำในตลาดสินเชื่อที่อยู่อาศัย พร้อมยกระดับการให้บริการลูกค้า ขึ้นสู่ Digital Platform เพื่อรองรับการเป็น Digital Bank ในอนาคต
นายฉัตรชัย ศิริไล กรรมการผู้จัดการ ธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) เปิดเผยถึงแผนยุทธศาสตร์ปี 2564-2565 ว่า ธนาคารยังคงมุ่งมั่นดำเนินการตามพันธกิจทำให้คนไทยมีบ้าน รักษาความเป็นผู้นำในตลาดสินเชื่อที่อยู่อาศัย ด้วยการมีสินเชื่อคงค้าง 1 ใน 3 ของยอดสินเชื่อคงค้างทั้งระบบสถาบันการเงิน ล่าสุดวันที่ 1 ตุลาคม 2563 ธนาคารสามารถปล่อยสินเชื่อใหม่ได้แล้ว 156,650 ล้านบาท และมั่นใจว่าจะทำได้ตามเป้าหมายปี 2563 ที่ 210,000 ล้านบาท ปัจจัยสนับสนุน คือ อัตราดอกเบี้ยระดับต่ำและการจัดโปรโมชั่นกระตุ้นการขายของผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์ ทำให้เป็นโอกาสของประชาชนที่ไม่ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 มีบ้านเป็นของตนเองง่ายขึ้น
ขณะที่ปี 2564 ธอส.ยังคงตั้งเป้าปล่อยสินเชื่อใหม่ 215,641 ล้านบาท และเพิ่มเป็น 222,110 ล้านบาท ในปี 2565 หรือเพิ่มขึ้นปีละ 3% ตามลำดับ ด้วยสินเชื่อคงค้างปี 2564 ที่ 1.374 ล้านล้านบาท และเพิ่มเป็น 1.444 ล้านล้านบาท ในปี 2565 โดยให้ความสำคัญกับการยกระดับการให้บริการลูกค้าขึ้นสู่ Digital Platform เพื่อรองรับการเป็น Digital Bank ในอนาคต อำนวยความสะดวกลูกค้าสามารถเข้าถึงบริการหรือผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ ของธนาคารได้อย่างสะดวก รวดเร็วมากยิ่งขึ้น และช่วยลดต้นทุนการดำเนินงานของธนาคาร เพื่อดึงอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ให้ต่ำลงอีก โดยตั้งเป้าให้มี Digital Transaction ไม่ต่ำกว่า 80% ของจำนวน Transaction ทั้งหมดในปี 2565 ด้วยแผนงาน/โครงการสำคัญที่สนับสนุนการเป็น Digital Bank ประกอบด้วย 1.โครงการ New Normal Services 2.โครงการ Tollway Loan Plus และ 3.โครงการ Virtual Branch
“ธนาคารให้ความสำคัญกับการพัฒนาศักยภาพบุคลากรรองรับการเปลี่ยนแปลงด้านดิจิทัลให้แก่ผู้บริหารและพนักงานให้สามารถทำงานภายใต้การเปลี่ยนแปลงไปสู่ Digital Bank ของธนาคาร สร้างสรรค์ทัศนคติด้านบวกและเสริมสร้างวัฒนธรรมองค์กรให้เป็นหนึ่งเดียวและมุ่งสู่เป้าหมายเดียวกันตามโครงการ GHB 1 TEAM รวมถึงจัดทำโครงการ Digitizer พัฒนาระบบการอนุมัติและจัดการเอกสารลักษณะ Workflow โดยสร้างแบบฟอร์มต่าง ๆ ผ่านระบบดิจิทัล ลดขั้นตอนการทำงาน ลดการใช้กระดาษ เป็นต้น” นายฉัตรชัย กล่าว
ทั้งนี้ ภายใต้แผนยุทธศาสตร์ที่ชัดเจนของธนาคาร ทำให้ปัจจุบันธนาคารยังคงสามารถเติบได้อย่างแข็งแกร่งและมีความพร้อมในการเผชิญกับปัญหาต่าง ๆ โดยเดือนสิงหาคม 2563 เทียบกับสิ้นปี 2562 ธนาคารมียอดสินเชื่อคงค้างรวมทั้งสิ้น 1,273,401 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 5.30% สินทรัพย์รวม 1,351,107 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 8.55% เงินฝากรวม 1,110,418 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 11.74% และหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPL) จำนวน 51,559 ล้านบาท คิดเป็น 4.05% ของยอดสินเชื่อรวม เพิ่มขึ้นจากสิ้นปี 2562 จำนวน 2,044 ล้านบาท. – สำนักข่าวไทย
