เยรูซาเลม 24 ก.ย.- คณะรัฐมนตรีอิสราเอลตัดสินใจวันนี้ให้เข้มงวดมาตรการล็อกดาวน์รอบสองที่ประกาศใช้เมื่อวันศุกร์ที่แล้ว หลังจากพบว่ายอดผู้ป่วยโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโควิด-19 ยังคงเพิ่มขึ้น จนนายกรัฐมนตรีเบนยามิน เนทันยาฮูเตือนว่าอิสราเอลใกล้แตะขอบเหว
อิสราเอลที่มีประชากร 9 ล้านคน ล็อกดาวน์ครั้งแรกในเดือนมีนาคม จากนั้นผ่อนคลายในเดือนพฤษภาคม และขณะนี้เกิดการระบาดระลอกสอง ยอดผู้ป่วยสะสม 204,690 คน เสียชีวิตรวม 1,325 คน รัฐบาลประกาศล็อกดาวน์รอบสองเมื่อวันที่ 18 กันยายน แต่ตลอดสัปดาห์ที่ผ่านมา ยังคงมีผู้ป่วยใหม่วันละเกือบ 7,000 คน ทำให้โรงพยาบาลหลายแห่งตึงตัวอย่างหนัก รัฐบาลจึงตัดสินใจเข้มงวดมาตรการล็อกดาวน์อีก สื่ออิสราเอลรายงานว่า การเข้มงวดจะเริ่มตั้งแต่วันศุกร์นี้แม้อยู่ระหว่างรอรัฐสภาให้สัตยาบัน โดยจะลดประเภทธุรกิจที่สามารถเปิดดำเนินการให้เหลือเพียงธุรกิจจำเป็นอย่างการเงิน พลังงาน สุขภาพ เทคโนโลยี เกษตร และอาหาร ขยายคำสั่งห้ามอยู่ห่างจากบ้านในระยะ 1 กิโลเมตร ให้ครอบคลุมถึงการร่วมประท้วงตามท้องถนน คาดว่าเพื่อสกัดการประท้วงหน้าบ้านพักนายกรัฐมนตรีในนครเยรูซาเลม เพราะผู้ประท้วงส่วนใหญ่เดินทางมาจากต่างเมือง ส่วนโรงเรียนจะปิดต่อไป
นายกรัฐมนตรีเนทันยาฮูยืนยันว่า การเข้มงวดมาตรการล็อกดาวน์เป็นเรื่องจำเป็น ไม่ได้ต้องการสกัดการประท้วงเรียกร้องให้เขาลาออกในคดีสินบน ฉ้อฉลและทำผิดหน้าที่ที่ได้รับมอบหมายตามที่ศาลฟื้นการไต่สวนเมื่อเดือนมกราคม ผู้เชี่ยวชาญเตือนในช่วงวันสองวันนี้ว่า หากไม่ดำเนินมาตรการจริงจังและทันที อิสราเอลจะไปยืนอยู่บนขอบเหว อย่างไรก็ดี มาตรการเข้มงวดใหม่นี้ยังคงให้โบสถ์ยิวเปิดต่อไปแม้มีเสียงเรียกร้องให้ปิดเพราะชุมชนชาวยิวที่อยู่กันอย่างใกล้ชิดมีอัตราการติดเชื้อสูง.- สำนักข่าวไทย