กรุงเทพฯ19 ก.ย.- “สุพัฒนพงษ์” ระบุ จะมีการเสนอครม.ให้พิจารณา มาตรการเพิ่มการจ้างงานในประเทศ โดยถ้าเอกชนจ้างบัณฑิตจบใหม่ รัฐบาลจะช่วยเหลือครึ่งหนึ่ง
นายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน กล่าวว่า ในช่วงประมาณปลายเดือน ก.ย.63 รัฐบาลจะมีมาตรการส่งเสริมการจ้างแรงงาน โดยจะจัดงานใหญ่ จึงเชิญชวนประชาชนที่ยังว่างงานไปหางานทำได้ โดยวางเป้าหมายขนาดการจ้างงานไว้รวม 1 ล้านคน แต่ขณะนี้ยังเตรียมการได้จำนวนหนึ่งและตัวเลขการจะจ้างงานจะทยอยเพิ่มขึ้น หวังว่าจะได้รับความร่วมมือภาคเอกชนที่ยังเข้มแข็งอยู่เข้ามาช่วยเหลือ โดยหากเอกชนรายใดจะจ้างงานบัณฑิตจบใหม่ รัฐบาลจะช่วยเหลือครึ่งหนึ่ง ซึ่งขณะนี้เตรียมการอยู่จะมีการนำเสนอเข้าสู่ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีในเร็ว ๆ นี้
สำหรับ แนวโน้มเศรษฐกิจไทยว่า เศรษฐกิจไทยไตรมาสที่ 2 ปีนี้ ติดลบร้อยละ 12.2 จากการที่รัฐบาลจำเป็นต้องดูแลควบคุมการระบาดของไวรัสโควิด-19 โดยการล็อกดาวน์ ซึ่งไม่ใช่ประเทศไทยเท่านั้นแต่เป็นการดำเนินการที่เกิดขึ้นทั่วโลก บางประเทศในแถบอาเซียนเศรษฐกิจไตรมาสที่ 2 ติดลบมากกว่าประทศไทย ไม่ว่าจะเป็นประเทศสิงคโปร์ มาเลเซียและฟิลิปปินส์
“ขณะนี้ตัวเลขเศรษฐกิจต่าง ๆ ของไทยมีแนวโน้มปรับตัวดีขึ้น จนอาจจะเชื่อได้ว่า ไตรมาส 2 น่าจะเป็นจุดต่ำสุดของการถดถอยของเศรษฐกิจไทยและน่าจะดีขึ้นในดัชนีต่าง ๆ ซึ่งคนไทยเองก็เห็นได้จากกิจกรรมทางเศรษฐกิจธุรกิจมีมากขึ้น แต่แน่นอนว่า ยังกลับไปดีได้ไม่ได้เท่าเดิม ยังมีบางอุตสาหกรรมที่ได้รับผลกระทบที่เกิดจากการที่ไทยเปิดประเทศไม่ได้สมบูรณ์ก็คือ อุตสาหกรมท่องเที่ยวและบริการ และอุตสาหกรรมที่ได้รับผลกระทบจากสภาวะเศรษฐกิจโลกคือ อุตสาหกรรมส่งออก ซึ่งเป็นปัญหาที่รัฐบาลให้ความสำคัญ” นายสุพัฒนพงษ์ กล่าว
ก่อนหน้านี้ รัฐบาลได้ออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ ผ่านมาตรการส่งเสริมการท่องเที่ยวภายในประเทศผ่านมาตรการ “เราเที่ยวไปด้วยกัน” เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจให้กับกลุ่มธุรกิจที่ได้รับผลกระทบจากการที่ยังไม่สามารถเปิดประเทศได้อย่างสมบูรณ์ ซึ่งเป็นการสนับสนุนของความร่วมมือของคนไทยทุกคน
“หวังว่า เมื่อรัฐบาลดำเนินมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจไประยะหนึ่งแล้ว เมื่อข้อมูลทางการแพทย์มีเพิ่มขึ้น การรักษาดีขึ้น มีการพบวัคซีนที่สามารถยุติการระบาดของโควิด-19 ได้อย่างถาวร พวกเราก็จะรอดพ้นและกับไปแข็งแรงหรือดีกว่าเดิม ตรงนี้เป็นเรื่องสำคัญ อยากส่งข้อความเหล่านี้ไปยังคนไทย ให้ร่วมมือกันเหมือนช่วยกันป้องกันโควิด-19 ที่ประเทศทไทยเป็นประเทศที่จัดว่าดีที่สุดของโลกในเรื่องนี้”.-
-สำนักข่าวไทย