ทำเนียบฯ 15 ก.ย.-ครม.อนุมัติร่าง พ.ร.บ.จราจรทางบก ปรับปรุงกฎหมายให้สอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจุบัน ให้พนักงานสอบสวนมีอำนาจขอให้แพทย์ตรวจพิสูจน์ผู้ขับขี่ในการตรวจสารเสพติด หรือตรวจระดับความเมาสุราได้
น.ส.รัชดา ธนาดิเรก รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ว่า ที่ประชุม ครม.อนุมัติร่างพระราชบัญญัติจราจรทางบก (ฉบับที่..) พ.ศ. …. เนื่องจากพระราชบัญญัติจราจรทางบก พ.ศ.2522 เป็นกฎหมายที่บังคับใช้มาเป็นเวลานาน ทางสำนักงานตำรวจแห่งชาติ จึงได้ยกร่าง พ.ร.บ.ฉบับนี้ขึ้น โดยเป็นการปรับปรุงแก้ไขพระราชบัญญัติจราจรทางบก พ.ศ.2522 บางประการ ทั้งในเรื่องการใช้ช่องเดินรถ ลักษณะความผิดในการขับรถ การตรวจสอบหรือทดสอบผู้ขับขี่ หน้าที่การใช้เข็มขัดนิรภัย การป้องกันการแข่งรถในทางโดยไม่ได้รับอนุญาต และการควบคุมการใช้รถที่มีสภาพไม่ถูกต้อง รวมทั้งปรับปรุงบทกำหนดโทษให้มีความเหมาะสม เพื่อให้สอดคล้องกับสภาพข้อเท็จจริงในการใช้รถใช้ถนนในปัจจุบัน ลดการเกิดอุบัติเหตุทางถนนและป้องกันการกระทำความผิดให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น ซึ่งมีสาระสำคัญ อาทิ กำหนดให้รถบรรทุก รถบรรทุกคนโดยสาร และรถจักรยานยนต์ สามารถใช้ช่องเดินรถด้านขวาได้ในกรณีจำเป็น และแก้ไขเพิ่มเติมน้ำหนักของรถยนต์บรรทุกส่วนบุคคลที่ไม่ต้องใช้ช่องเดินรถด้านซ้ายสุด จาก 1,600 กิโลกรัม เป็น 2,200 กิโลกรัม , กำหนดให้พนักงานสอบสวนมีอำนาจขอให้แพทย์ตรวจพิสูจน์ผู้ขับขี่ หรือบุคคลที่อาจเป็นผู้ขับขี่ในกรณีที่อยู่ในภาวะหมดสติ จนไม่อาจให้ความยินยอมในการตรวจสารเสพติด หรือตรวจระดับความเมาสุราได้ โดยให้ทำได้เท่าที่จำเป็นและต้องไม่เป็นอันตรายต่อบุคคลนั้น , ปรับปรุงหลักเกณฑ์เกี่ยวกับการรัดเข็มขัดนิรภัย เช่น กำหนดหน้าที่ของผู้ขับขี่และคนโดยสารต้องรัดเข็มขัดนิรภัยตลอดเวลาในขณะโดยสารรถ ห้ามเด็กอายุต่ำกว่า 6 ปีนั่งแถวหน้า ยกเว้นมีที่นั่งพิเศษสำหรับเด็กและมีวิธีป้องกันอันตรายไว้แล้ว และห้ามไม่ให้มีผู้โดยสารนั่งตอนหน้าเกินว่า 2 คนในขณะขับขี่ เป็นต้น
น.ส.รัชดา กล่าวอีกว่า รวมถึง ปรับปรุงมาตรการป้องกันการแข่งรถในทาง เช่น กำหนดให้ผู้ที่รวมกลุ่มกันในทางพร้อมด้วยรถตั้งแต่ 5 คันขึ้นไป โดยมีการนัดหมายแข่งรถ หรือมีพฤติการณ์ที่แสดงถึงจะมีการแข่งรถ ให้ถือว่าเป็นผู้พยายามแข่งรถในทาง เว้นแต่พิสูจน์ได้ว่าเป็นอย่างอื่น กำหนดให้ผู้ที่รับการปรับแต่งรถเพื่อแข่งรถในทาง ให้ถือว่าผู้นั้นเป็นผู้สนับสนุนการแข่งรถในทาง เป็นต้น และปรับปรุงบทกำหนดโทษ เช่น เพิ่มบทกำหนดโทษสำหรับความผิดฐานขับรถในขณะถูกพักใช้อนุญาตขับขี่ตามมาตรการบันทึกคะแนนความประพฤติในการขับรถ ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 3 เดือน หรือปรับไม่เกิน 10,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ทั้งนี้ ร่าง พ.ร.บ.ฉบับดังกล่าวได้ผ่านการตรวจพิจารณาจากสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาแล้ว ก่อนเสนอสภาผู้แทนราษฎรต่อไป.-สำนักข่าวไทย