รณรงค์ไม่ทน “บูลลี่”

ท่าพระจันทร์21ส.ค.-มูลนิธิเพื่อนกะเทยเพื่อสิทธิมนุษยชน ร่วมกับภาคีเครือข่าย รณรงค์จะไม่ทน “บูลลี่” เพื่อยุติปัญหาการกลั่นแกล้งในสังคมไทย ชี้กลุ่มที่มีอัตลักษณ์ทางเพศแตกต่างถูกบูลลี่มากสุด

นักวิชาการ นักเคลื่อนไหวด้านสิทธิมนุษยชน กลุ่มคนข้ามเพศ มูลนิธิเพื่อนกะเทยเพื่อสิทธิมนุษยชน เครือข่ายผู้ปกครองที่มีบุตรหลานหลากหลายเพศ นางแบบและนักกิจกรรมต้านบูลลี่ รวมถึงอินฟลูเอนเซอร์ชื่นดัง ร่วมเสวนา ในหัวข้อ “เราจะไม่ทน :บูลลี่ :อำนาจนิยมในสังคมไทย “ โดยได้ร่วมแลกเปลี่ยนประสบการณ์ถูกเลือกปฏิบัติ ถูกกลั่นแกล้ง หรือ”บูลลี่ “ และสะท้อนปัญหาการกลั่นแกล้งในสังคมไทย

ผู้ร่วมเสวนาส่วนใหญ่สะท้อนตรงกัน ว่า พวกเขาและคนใกล้ชิดล้วนถูกบูลลี่จากคนรอบข้างมาแล้วทั้งสิ้น ทั้งบูลลี่ด้วยคำพูด การกระทำ หรือกลั่นแกล้งในโลกออนไลน์หรือไซเบอร์ บูลลี่ ซึ่งเกิดขึ้นทั้งโดยตั้งใจและไม่ตั้งใจ ส่งผลให้ผู้ที่ถูกบูลลี่ได้รับผลกระทบทางจิตใจ ขาดความมั่นใจและบางรายส่งผลกระทบในการดำเนินชีวิต

โดยการถูกบูลลี่ส่วนใหญ่มาจากความหลากหลายทางเพศ หรือความแตกต่างทางอัตลักษณ์ทางเพศ และยังมีมิติอื่นๆที่สามารถถูกล้อเลียนได้ด้วย เช่น ลักษณะทางสภาพของร่างกาย ความสูงของร่างกาย หรือสีผิว

ผศ.ดร.รณภูมิ สามัคคีดารมย์ ประธานมูลนิธิเพื่อนกะเทยเพื่อสิทธิมนุษยชน และอาจารย์ประจำคณะสาธารณสุขศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ กล่าวว่า ปัญหาการกลั่นแกล้งหรือบูลลี่ เกิดขึ้น มานานแล้วในสังคมไทย เกิดขึ้นได้ในทุกระดับตั้งแต่ระดับเพื่อน ครอบครัว ระดับโรงเรียนหรือในวงการทำงาน

คนส่วนใหญ่เป็นทั้งผู้กระทำและผู้ถูกกระทำ ซึ่งการกระทำหรือล้อเลียนที่จะเข้าข่ายว่าเป็นการบูลลี่หรือไม่ต้องดูที่ผลกระทบที่เกิดขึ้นกับผู้ที่ถูกกระทำเป็นหลัก เนื่องจากการกระทำหรือคำพูดในลักษณะเดียวกันส่งผลกระทบต่อผู้ถูกกระทำต่างกัน ซึ่งปัจจุบันเห็นว่าสังคมไทยได้ตื่นตัวและให้ความสำคัญในเรื่องนี้มากขึ้น

เช่นเดียวกับ อาจารย์เคท ครั้งพิบูลย์ นักคลื่อนไหวด้านสิทธิมนุษยชน อาจารย์ประจำคณะสังคมสงเคราะห์ศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ อาจารย์ข้ามเพศที่มีประสบการณ์ถูกเลือกปฏิบัติด้วยเหตุแห่งเพศ เคยยื่นฟ้องมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ต่อศาลปกครอง จากกรณีที่คณะกรรมการบริหารมหาวิทยาลัย มีมติไม่รับบรรจุ เป็นอาจารย์ในคณะสังคมสงเคราะห์ศาสตร์ หลังสามารถสอบผ่านการคัดเลือกเข้าเป็นอาจารย์และได้ดำเนินการสอนมาระยะเวลาหนึ่งแล้ว และปัจจุบันเป็นอาจารย์ประจำคณะสังคมสงเคราะห์ศาสตร์ กล่าวว่า กลุ่มบุคคลที่มีความแตกต่างจาก อัตลักษณ์ทางเพศ หรือกลุ่มหลากหลายทางเพศจะเป็นผู้ที่มีโอกาสถูกบูลลี่ได้ มากที่สุดและได้ตลอดเวลา เนื่องจากมีความแตกต่างทางร่างกายที่เห็นชัดที่สุด

การบูลลี่ในปัจจุบัน นอกจากจะเกิดจากคำพูดและการกระทำปกติแล้ว ยังเกิดขึ้นในโลกออนไลน์หรือการใช้พื้นที่ออนไลน์ในการรังแกหรือกลั่นแกล้งกันมากขึ้น และส่งผลกระทบในวงกว้างกว่า

โดยส่วนตัว ยอมรับว่าถูกบูลลี่บ่อยครั้ง โดยเฉพาะคำถามซ้ำๆที่พบบ่อย เช่น คำถามว่าเวลาคุยกับนักศึกษาชายจะคุยอย่างไร ซึ่งตนมองว่าเป็นคำถามที่แสดงถึงทัศนคติด้านลบหรืออคติของผู้ถาม ที่มีต่อผู้ที่มีความแตกต่างของอัตลักษณ์ทางเพศ เป็นสิ่งที่ไม่ควรเกิดขึ้น.-สำนักข่าวไทย