กรุงเทพฯ 10 ส.ค. – กระทรวงเกษตรฯ จัดกิจกรรมจิตอาสา “วันแม่แห่งชาติ 12 สิงหาคม 2563 รักเอยรักลูก” เฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง เนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา 12 – 14 สิงหาคม 2563 ที่ท้องสนามหลวง
นายอนันต์ สุวรรณรัตน์ ปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กล่าวว่า เนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษาสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง 12 สิงหาคม 2563 รัฐบาลเชิญชวนหน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน และประชาชนร่วมกิจกรรมเฉลิมพระเกียรติฯ เพื่อแสดงความจงรักภักดีและสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณที่ได้ทรงปฏิบัติพระราชกรณียกิจนานัปการเพื่อประโยชน์สุขแห่งอาณาราษฎร โดยกิจกรรมหนึ่งที่สำคัญในปีนี้ คือ กิจกรรมจิตอาสา “วันแม่แห่งชาติ 12 สิงหาคม 2563 รักเอยรักลูก” ระหว่างวันที่ 12 – 14 สิงหาคม ตั้งแต่เวลา 10.00 – 18.00 น. ท้องสนามหลวง ประกอบด้วย การช่วยเหลือและบรรเทาความเดือดร้อนแก่ประชาชน โดยเฉพาะกลุ่มเด็ก สตรี ผู้สูงอายุ และกลุ่มเปราะบาง การจัดนิทรรศการเผยแพร่องค์ความรู้ที่เกี่ยวกับโครงการในพระราชดำริของสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง และการจัดอาหารและเครื่องดื่มให้บริการประชาชน
สำหรับกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ร่วมจัดนิทรรศการเผยแพร่องค์ความรู้ที่เกี่ยวกับโครงการตามพระราชดำริของสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ซึ่งประชาชนสามารถนำองค์ความรู้ไปต่อยอดเพื่อประกอบอาชีพได้ได้แก่ นิทรรศการเกี่ยวกับข้าวไทย กล่าวถึงประวัติความสำคัญของข้าวไทย การจัดแสดงข้าวสายพันธุ์ต่าง ๆ ในประเทศไทย โครงการฟาร์มตัวอย่างในพระราชดำริ เป็นต้น นิทรรศการเกี่ยวกับผ้าไหมไทย โครงการสร้างทายาทหม่อนไหม โครงการตรานกยูงพระราชทาน การให้ความรู้เกี่ยวกับการเลี้ยงไหม และการสาธิตทอผ้าไหมไทย เป็นต้น
นอกจากนี้ ยังมีนิทรรศการเผยแพร่องค์ความรู้เกี่ยวกับโครงการตามพระราชดำริของสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ฯ การสาธิต-การฝึกอาชีพให้กับประชาชนที่เข้าร่วมงานโดยไม่เสียค่าใช้จ่ายการให้คำปรึกษาแนะนำเกี่ยวกับปัญหาในการดำรงชีพ ปัญหาครอบครัว ปัญหาสตรี ตลอดจนการบริการจัดหางาน รวมทั้งมีอาหารและเครื่องดื่มให้บริการฟรีตลอดงาน โดยจัดบริการอาหารและเครื่องดื่มแบ่งเป็น 2 รอบได้แก่เวลา 10.00 -12.00 น. และ 15.00 – 18.00 น. ซึ่งเป็นการช่วยเหลือและแบ่งปันความสุขให้กับประชาชนที่ได้รับผลกระทบทางด้านเศรษฐกิจและสังคมในช่วงสถานการณ์โควิด-19 รวมทั้งเพื่อสร้างความเข้มแข็งที่จะดำรงชีวิตในแบบชีวิตวิถีใหม่ด้วย.-สำนักข่าวไทย