กรุงเทพฯ 20 ก.ค. – โฆษกสำนักงานอัยการสูงสุดชี้เหตุวัยรุ่นทะเลาะวิวาทและทำร้ายร่างกายกันภายในโรงพยาบาลย่านสมุทรปราการ เป็นพฤติการณ์ที่อุกอาจไม่สนใจผู้ป่วยหรือบุคลากรทางการแพทย์ไม่ยำเกรงต่อกฎหมาย หากถึงแก่ชีวิตโทษอาจสูงสุดจำคุกตลอดชีวิตหรือประหาร
นายประยุทธ เพชรคุณ อัยการพิเศษฝ่ายคดีอาญา 3 ในฐานะรองโฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด เปิดเผยถึงกรณีกลุ่มวัยรุ่นทะเลาะวิวาทและทำร้ายร่างกายกันภายในโรงพยาบาลย่านสมุทรปราการ ทำให้มีผู้บาดเจ็บและทรัพย์สินของทาง รพ.ได้รับความเสียหายนั้น หากสามารถจับกุมตัวผู้ต้องหาได้แล้วและพนักงานสอบสวนทำสำนวนส่งต่อมาที่อัยการทางอัยการจะมีการบรรยายฟ้องถึงพฤติการณ์ของผู้ต้องหาว่าเป็นพฤติการณ์ที่อุกอาจไม่สนใจผู้ป่วยหรือบุคลากรทางการแพทย์ไม่ยำเกรงต่อกฎหมายไม่สนความเดือดร้อนและเครื่องมือทางการแพทย์ซึ่งมาจากภาษีของประชาชน โดยจะขอให้ศาลลงโทษสถานหนักเพื่อไม่ให้เป็นเยี่ยงอย่างกับบุคคลอื่น
ซึ่งจากพฤติการณ์ดังกล่าวมองว่าเข้าข่ายความผิดเรื่องการทำร้ายผู้อื่น มีโทษหนักคือจำคุก 2 ปี ปรับ 40,000 บาท และหากถึงแก่ชีวิตมองว่าเป็นการฆ่าโดยเจตนาอาจมีความผิดถึงขั้นจำคุกตลอดชีวิตหรือโทษประหาร อีกทั้งยังเข้าข่ายความผิดการบุกรุกห้องฉุกเฉินในโรงพยาบาลซึ่งเป็นพื้นที่ห้ามเข้าตามกฎหมายและมีโทษสูงสุดคือจำคุก 3 ถึง 15 ปี
โดยทางอัยการจะขอให้ทางศาลลงโทษสถานหนัก ไม่ให้รอลงอาญา เนื่องจากไม่ต้องการให้เป็นเยี่ยงอย่างแก่บุคคลอื่น ซึ่งที่ผ่านมามีคดีเกิดขึ้นที่จังหวัดอ่างทองและจังหวัดนครพนม ศาลได้มีความเห็นตามที่อัยการบรรยายฟ้องไปทั้งสิ้น ซึ่งส่วนใหญ่ศาลอาจมีการลดโทษให้บางส่วนหากมีการเข้ามอบตัวหรือให้การที่เป็นประโยชน์ต่อรูปคดี แต่ไม่รอลงอาญาทั้ง 2 คดี ซึ่งเชื่อว่าคดีนี้หากมีการจับกุมตัวผู้ต้องหาได้และพนักงานสอบสวนส่งสำนวนให้อัยการและเรื่องส่งต่อไปถึงการพิจารณาในชั้นศาลก็จะมีคำพิพากษาในลักษณะเดียวกัน
ขอเตือนให้ประชาชนหรือกลุ่มวัยรุ่นที่จะก่อเหตุในลักษณะดังกล่าว คิดให้ดีเพราะเป็นคดีที่อุกอาจโทษหนักและอาจไม่ได้รับการรอลงอาญา ทำให้เสียอนาคตและเกิดความเสียหายต่อส่วนรวม .-สำนักข่าวไทย