“วิธีการทำงานแบบ New Normal ของนายกรัฐมนตรี”

สำนักข่าวไทย 17 มิ.ย. พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี แถลงการณ์ผ่านโทรทัศน์รวมการเฉพาะกิจแห่งประเทศไทย ขอบคุณคนไทยที่ให้ความร่วมมือทำให้สถานการณ์ในประเทศคลี่คลาย ย้ำการ์ดอย่าตก อีกทั้งนำเสนอวิธีการทำงานรูปแบบใหม่ 


พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้กล่าวว่า วิกฤติโควิด-19 ครั้งนี้ทำให้เห็นความแข็งแกร่งของประเทศไทยที่เป็นสุดยอดไม่แพ้ประเทศใดในโลก 2 เรื่อง คือความเต็มใจที่จะร่วมมือกันอย่างเป็นหนึ่งเดียวของคนไทยทุกคน และการที่ประเทศไทยมีคนเก่งที่มีความรู้ความสามารถอยู่เป็นจำนวนมาก และในทุกระดับของสังคม ซึ่งเป็นปัจจัยที่สำคัญที่สุดปัจจัยหนึ่งที่ทำให้ประเทศไทยของเราสามารถรับมือกับสถานการณ์โควิด-19 ได้เป็นอย่างดี และได้รับการยอมรับในระดับโลก ดังนั้น ถ้าหากคนไทยร่วมแรงร่วมใจกันทั้งประเทศแบบนี้ไปตลอด เราจะสามารถช่วยกันขับเคลื่อนประเทศไปข้างหน้าได้เร็วขึ้นและไปไกลมากขึ้น ซึ่งการจะทำให้สิ่งเหล่านี้จะเกิดขึ้นจริงได้นั้น ในยุคหลังจากโควิด-19 นายกรัฐมนตรีและรัฐบาลจะปรับเปลี่ยนวิธีการทำงานเป็นรูปแบบใหม่ ที่เรียกว่า New Normal ด้วย ได้แก่

1. “ผนึกทุกภาคส่วนร่วมวางอนาคตประเทศไทย”


รัฐบาลจะดึงทุกภาคส่วน และทุกระดับในสังคม เข้ามามีส่วนร่วมมากขึ้น มีบทบาทมากขึ้น ในการกำหนดอนาคตของประเทศ โดยที่นายกรัฐมนตรีจะรับฟังวิสัยทัศน์จากภาคส่วนต่างๆ ด้วยตัวเอง 

2. “ประเมินผลงานภาครัฐ โดยผู้มีส่วนได้ส่วนเสียตัวจริง” 

เปิดโอกาสให้ประชาชนได้มีบทบาทในการประเมินผล และแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับโครงการต่างๆ ของภาครัฐ ให้ผู้บริหารระดับสูงในรัฐบาลได้รับทราบโดยตรงได้ด้วย 


3. “ทำงานเชิงรุก” 

นายกรัฐมนตรีจะมีการกำหนดนโยบายสำคัญเร่งด่วนที่เหมาะสมกับสถานการณ์ ที่จะสร้างประโยชน์ให้กับประชาชนได้อย่างเป็นรูปธรรม ให้กับกระทรวงต่างๆ ด้วย โดยนายกรัฐมนตรีจะติดตามกำกับดูแลอย่างใกล้ชิด เพื่อให้เกิดผลจริง อย่างมีประสิทธิภาพ  

นายกรัฐมนตรีได้ตัดสินใจอย่างแน่วแน่ที่จะปรับเปลี่ยนวิธีการทำงานเป็นรูปแบบใหม่ พร้อมกับเชิญชวนประชาชนคนไทยร่วมเดินหน้าภารกิจที่สำคัญไปด้วยกัน คือ ภารกิจ “รวมไทยสร้างชาติ” โดยคนไทยทุกคน ซึ่งในตอนท้ายของแถลงการณ์ นายกรัฐมนตรีได้กล่าวคาดหวังว่าวิกฤติโควิด-19 ในครั้งนี้ จะช่วยเปลี่ยนโฉมหน้าประเทศ ให้ประเทศไทยก้าวเดินออกจากหายนะโควิด ไปเป็นประเทศที่แข็งแกร่งขึ้นกว่าเดิม ได้รับการยอมรับจากนานาประเทศมากขึ้น และมีความแน่นแฟ้นเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันมากขึ้นกว่าเดิม วันนี้เป็นโอกาสสำคัญที่ต้องเริ่มวางรากฐานสำหรับความรุ่งเรืองงอกงามที่ยั่งยืนของประเทศ และเปิดทางให้คนไทยได้มีโอกาสค้นพบตัวตนที่ดี และมีความแข็งแกร่งของตัวเองอีกครั้ง.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

เพลิงไหม้ห้องพักคอนโดฯ หรูกลางเมืองพัทยา

เพลิงไหม้คอนโดมิเนียมหรูกลางเมืองพัทยา จ.ชลบุรี เจ้าหน้าที่ระดมรถน้ำควบคุมเพลิงได้ทัน ทำให้ไฟไม่ลุกลามห้องข้างเคียง

จับ “ใบเฟิร์น” อินฟลูฯสาวชื่อดัง โพสต์ชวนเล่นพนันออนไลน์

ตำรวจไซเบอร์ รวบ “ใบเฟิร์น กุลธาดา” อินฟลูฯ สาวแนวเซ็กซี่ ผู้ติดตามหลักล้าน แปะลิงก์เว็บพนันออนไลน์ เจ้าตัวยอมรับ ทำมาแล้ว 2-3 เดือน

ลิงลพบุรีแหกกรง กว่า 200 ตัว จ่าฝูงนำทีมบุกโรงพัก

ลิงลพบุรีกรงแตก เพ่นพ่านกว่า 200 ตัว จ่าฝูงนำทีมบุกโรงพักท่าหิน ตำรวจปิดประตูหน้าต่างวุ่น ล่าสุดกลับมากินอาหารในกรงแล้วกว่า 100 ตัว กรมอุทยานฯ เร่งลุยจับ คาดใช้เวลา 2-3 วัน

ข่าวแนะนำ

คุมตัวสาวใหญ่โหดฆ่าตัดนิ้วชิงทรัพย์ทำแผนฯ

ตร. คุมตัวสาวใหญ่โหด ลวงเพื่อนฆ่าตัดนิ้วชิงทรัพย์ ไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพ เจ้าตัวสำนึกผิด ฝากขอโทษญาติผู้เสียชีวิต ยอมรับทำเพราะติดหนี้พนันออนไลน์

Drone video captures severe flooding caused by super typhoon Man-Yi in the Philippines

ฟิลิปปินส์น้ำท่วมหนัก หลังไต้ฝุ่น “หม่านหยี่” ถล่ม

มะนิลา 18 พ.ย. – ฟิลิปปินส์เกิดน้ำท่วมรุนแรงในหลายพื้นที่ หลังจากซูเปอร์ไต้ฝุ่นหม่านหยี่ (Man-yi) พัดถล่มเกาะลูซอน ช่วงสุดสัปดาห์ เป็นไต้ฝุ่นลูกที่ 6 ในรอบ 1 เดือน ไต้ฝุ่นขึ้นฝั่งด้วยความเร็วลมสูงสุด 240 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ทำให้เกิดคลื่นสูง 7 เมตรบริเวณริมชายฝั่ง ส่งผลกระทบประชากรกว่า 760,000 คน และทำให้เกิดน้ำท่วมรุนแรงในหลายพื้นที่ โดยเฉพาะที่จังหวัดนูเอวาเอซีฮา ทางตอนกลางของเกาะลูซอน ที่มีน้ำท่วมสูงเฉลี่ยเกือบ 1 เมตร นอกจากนี้ยังทำให้เกิดดินถล่มและสาธารณูปโภคพังเสียหายมากมาย ประชาชนมากกว่า 1 ล้านคนต้องอพยพไปอาศัยอยู่ในศูนย์พักพิงชั่วคราว ขณะนี้ยังไม่มีรายงานผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บ พายุหม่านหยี่เป็นพายุไต้ฝุ่นลูกที่ 6 ที่พัดถล่มฟิลิปปินส์ในช่วง 1 เดือน ทั่วทั้งประเทศต้องตื่นตัวเพื่อรับมือภัยพิบัติด้วยมาตรการต่าง ๆ.-812(814).-สำนักข่าวไทย

ฆ่าตัดนิ้ว

เปิดปากสารภาพฆ่าตัดนิ้วแม่ยายอัยการ ชิงทรัพย์ล้างหนี้พนัน

หญิงวัย 56 ปี เปิดปากสารภาพฆ่าตัดนิ้วชิงทรัพย์แม่ยายอัยการ ก่อนนำทรัพย์สินไปขายใช้หนี้พนัน ตำรวจคุมตัวไปตามหาทรัพย์สินของกลาง อ้างลงมือก่อเหตุคนเดียว