ก.คลัง 30 พ.ย. – ปลัดคลังระบุพร้อมออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ เพื่อขยับจีดีพีโตเต็มศักยภาพร้อยละ 4-5 ในปี 60 ยอมรับเลื่อนโอนเงินช่วยเหลือคนจน 3 ธันวาคมนี้ สั่งกรมสรรพากรเช็คข้อมูลให้ชัดเจน เพื่อโอนเงินให้ตรงกับคนได้รับจริง
นายสมชัย สัจจพงษ์ ปลัดกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า หลังจากที่ประชุม ครม.เห็นชอบให้ธนาคารเฉพาะกิจของรัฐทั้งธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) ธนาคารออมสิน และธนาคารกรุงไทย โอนเงินช่วยเหลือรายย่อยจากโครงการลงทะเบียนเพื่อสวัสดิการแห่งรัฐ เพื่อดูแลค่าครองชีพให้กับผู้มีรายได้น้อยนอกภาคเกษตร หากมีรายได้ไม่เกิน 30,000 บาทต่อปี ได้รับรับเงินช่วยเหลือ 3,000 บาทต่อราย หากมีรายได้ 30,000-100,000 บาทต่อปี ได้รับเงินช่วยเหลือ 1,500 บาทต่อราย รวม 5.4 ล้านราย วงเงิน 12,750 ล้านบาท นอกจากนี้ ยังมีเกษตรกรผู้มีรายได้น้อยได้รับเงินช่วยเหลือ 3,000 บาทต่อราย 2.9 ล้านราย วงเงิน 6,000 ล้านบาท จากผู้ลงทะเบียนและผ่านการตรวจสอบเบื้องต้น 8.3 ล้านคน
ทั้งนี้ กำหนดเดิมต้องโอนเงินทั้ง 2 กลุ่มพร้อมกันวันที่ 1 ธันวาคมนี้ แต่เพื่อให้การโอนเงินผู้มีสิทธิ์จริง ไม่ผิดฝาผิดคน หากไม่มีสิทธิ์จะได้ไม่โอนผิดตัว เพื่อใช้เวลาในการตรวจสอบให้ชัดเจน จึงขอเลื่อนเวลาการโอนเงินออกไปเป็นวันที่ 3 ธันวาคมจนถึงสิ้นเดือนธันวาคม 2559 เพื่อให้ผู้มีรายได้น้อยมีเงินใช้จ่ายช่วงปลายปี สำหรับผู้มีรายได้น้อยหากไม่มีเงินเปิดบัญชีเงินฝากใหม่ 500 บาท ในส่วนของธนาคารกรุงไทยพร้อมบริการเปิดสมุดบัญชีเงินฝากแบบอิเล็กทรอนิกส์ เพื่อรองรับการโอนเงินของรัฐบาลได้ ส่วนการลงทะเบียนรอบใหม่ปี 2560 ต้องรอความชัดเจนจากรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เพราะยอมรับว่าผู้มีรายได้ไม่เกิน 100,000 บาทต่อปี สูงกว่า 10 ล้านคน ดังนั้น การเปิดลงทะเบียนรอบต่อไปน่าจะได้รับความสนใจจำนวนมาก
นายชาติชาย พยุหนาวีชัย ผู้อำนวยการธนาคารออมสิน กล่าวว่า ผู้มีรายได้น้อยลงทะเบียนสวัสดิการของรัฐผ่านธนาคารออมสิน 2.56 ล้านราย ทั้งรายย่อยทั่วไป ผู้มีอาชีพอิสระ เกษตรกร มีการตรวจสอบคุณสมบัติเหลือ 2.3 ล้านราย ในสัดส่วนดังกล่าวมีผู้เปิดบัญชีเงินฝากกับธนาคารออมสิน 1.2 ล้านราย กลุ่มดังกล่าวคาดว่าจะโอนเงินช่วยเหลือรายย่อยนอกภาคเกษตรได้ในช่วงสัปดาห์แรกเดือนธันวาคม ดังนั้น เมื่อธนาคารออมสินได้รับมอบหมายให้โอนเงินช่วยเหลือสำหรับผู้มาลงทะเบียนกับออมสิน ส่วนที่เหลือต้องมาเปิดบัญชีกับธนาคาร เพราะหากเกินกำหนดเดือนธันวาคมปีนี้ถือว่าเกินกำหนดตามที่ ครม.เห็นชอบไว้
ปลัดกระทรวงการคลัง กล่าวเพิ่มเติมว่า ในส่วนของมาตรการส่งเสริมการซื้อสินค้าช่วงปลายปี เพื่อนำค่าใช้จ่ายมาหักลดหย่อนภาษีได้นั้น คาดว่าจะเสนอ ครม.พิจารณาเร็ว ๆ นี้ ส่วนมาตรการยกเว้นภาษีเครื่องสำอาง น้ำหอม สินค้าฟุ่มเฟือย สินค้าแบรนด์เนม ผู้ประกอบการกำลังหารือร่วมกับกระทรวงการคลัง เพื่อจัดงานแสดงสินค้า โดยจะยกเว้นภาษีเหมือนกับดิวตี้ฟรี จากเดิมต้องเสียภาษีทั้งสรรพสามิต มูลค่าเพิ่ม อากรนำเข้า ระยะเวลาการจัดงานประมาณ 15 วัน เพื่อช่วยเหลือผู้ประกอบการในช่วงระยะเวลาหนึ่ง จึงคาดว่าไม่ส่งผลต่อยอดรายได้ภาษีมากนัก คาดว่าจะสรุปได้เร็ว ๆ นี้
นอกจากนี้ กระทรวงการคลังเตรียมเสนอมาตรการกระตุ้นเศรษฐกินรอบใหม่เพิ่ม หลังจากออกมาตรการส่งเสริมการซื้อสินค้าระยะสั้น จึงศึกษามาตรการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ เพื่อดึงดูดให้ภาคเอกชนลงทุนตามโครงการของรัฐเพื่อให้เกิดการลงทุนระยะยาว สร้างเงินทุนหมุนเวียนในระบบ การเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน และทำให้เศรษฐกิจของประเทศขยายตัวได้อย่างเต็มศักยภาพร้อยละ 4-5 ในปี 2560 จากปัจจุบันคาดการณ์ว่าจีดีพีจะขยายตัวประมาณร้อยละ 4.3 . – สำนักข่าวไทย