สหรัฐ 5 พ.ค.- สถานการณ์การระบาดของโรคโควิด-19 ในสหรัฐเริ่มดีขึ้น จนหลายรัฐเริ่มที่จะยอมผ่อนคลายมาตรการล็อกดาวน์
มหาวิทยาลัยจอห์น ฮอปกินส์ รายงานว่า เมื่อวานนี้เป็นวันที่สหรัฐมียอดผู้เสียชีวิตต่ำสุดในรอบ 1 เดือน มีผู้เสียชีวิตเพิ่มอีก 1,015 คน ยอดผู้เสียชีวิตสะสมอยู่ที่เกือบ 68,700 คน ขณะที่ยอดผู้ติดเชื้อสะสมอยู่ที่กว่า 1.7 ล้านคน ยอดผู้เสียชีวิตและยอดผู้ติดเชื้อที่มีแนวโน้มลดลงส่งผลให้หลายรัฐเริ่มที่จะผ่อนคลายมาตรการหลังเผชิญกับการประท้วงเรียกร้องให้ยกเลิกมาตรการล็อกดาวน์ เช่น ที่รัฐแคลิฟอร์เนียจะเริ่มให้ธุรกิจค้าปลีกที่มีความเสี่ยงต่ำ เช่น ร้านหนังสือ ร้านดอกไม้ และร้านเสื้อผ้าเปิดได้ตั้งแต่วันศุกร์นี้ แต่ยังไม่อนุญาตให้เปิดสำนักงาน ห้างสรรพสินค้า และร้านอาหารแบบนั่งทานในร้าน ส่วนที่รัฐฟลอริดาก็เริ่มผ่อนคลายมาตรการระยะแรกเมื่อวานนี้เป็นวันแรก อนุญาตให้เปิดร้านค้าปลีกและร้านอาหาร แต่ให้รับลูกค้าได้เพียง 25% ลูกค้าสามารถนั่งทานอาหารบริเวณด้านนอกร้าน แต่ต้องเว้นระยะห่างกัน เช่นเดียวกับรัฐแอริโซนาที่จะอนุญาตให้เปิดร้านทำผมวันศุกร์นี้ และจะเปิดร้านอาหารในวันจันทร์หน้า
ขณะที่รัฐนิวยอร์ก ซึ่งเป็นรัฐที่มีการระบาดรุนแรงที่สุดมีผู้เสียชีวิตเกือบ 20,000 คน คำสั่งล็อกดาวน์กำลังจะสิ้นสุดวันที่ 15 พ.ค.นี้ นายแอนดรูว์ คูโอโม ผู้ว่าการรัฐบอกว่า จะพิจารณาให้พื้นที่ที่มีการติดเชื้อน้อยกว่าเปิดธุรกิจได้ก่อน พร้อมระบุเข้าใจความรู้สึกของผู้ประท้วงดี แต่หากเปิดธุรกิจเร็วเกินไปก็อาจทำให้ไวรัสกลับมาลุกลามได้อีก
ขณะเดียวกัน เมื่อวานนี้วุฒิสภาสหรัฐกลับมาเปิดประชุมเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่เดือนมีนาคม แม้ว่ากรุงวอชิงตันจะยังมีการระบาดรุนแรงและมีคำสั่งให้ประชาชนอยู่ภายในบ้าน อย่างไรก็ตาม ยังไม่มีความแน่นอนว่า วุฒิสภาสหรัฐจะอนุมัติมาตรการบรรเทาผลกระทบโรคโควิด-19 ชุดใหม่หรือไม่ ส่วนสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐยังไม่กลับมาเปิดการประชุม.-สำนักข่าวไทย