นครราชสีมา 2 พ.ค.- พล.ต.ต.ฐากูร นัทธีศรีรอง ผบช.ภ.3 ลงพื้นที่การตั้งด่านตรวจ พ.ร.ก.ฉุกเฉินในเขตตัวเมืองนครราชสีมา กำชับมาตรการตรวจเข้มจับกุมผู้ฝ่าฝืนเคอร์ฟิว
พล.ต.ต.ฐากูร นัทธีศรี รองผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 3 ลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมการตั้งด่านตรวจ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ในเขตตัวเมืองนครราชสีมา เพื่อกำชับมาตรการตรวจเข้มงวดจับกุมผู้ฝ่าฝืนเคอร์ฟิว หลังรัฐบาลประกาศขยายเวลาเคอร์ฟิวต่อไปอีก 1 เดือน โดยพื้นที่ จ.นครราชสีมา 32 อำเภอ มีการตั้งด่านเคอร์ฟิว 25 จุดตรวจตามเส้นทางต่าง ๆ เพื่อป้องกันความเสี่ยงต่อการแพร่เชื้อโควิด-19
ผลการปฏิบัติงานค่ำคืนที่ผ่านมา พบผู้กระทำผิดฝ่าฝืนประกาศเคอร์ฟิว ที่มีการออกนอกเคหสถานในเวลาห้ามโดยไม่มีเหตุอันควร ช่วงเวลา 22.00-04.00 น.รวม 8 คดี ผู้ต้องหารวม 10 คน แยกเป็น ดื่มสุรามั่วสุม 3 ราย กลับบ้านหลังเวลาห้าม 6 ราย ส่วนภาพรวมตั้งแต่ประกาศเคอร์ฟิว มีสถิติจับกุมดำเนินคดีแล้ว 433 ราย ขณะที่ประชาชนผู้ใช้รถใช้ถนนในช่วงเวลาเคอร์ฟิว ส่วนใหญ่เป็นการขนส่งสินค้าจำเป็น ซึ่งมีการแสดงใบอนุญาตอย่างถูกต้อง
อย่างไรก็ตาม คณะกรรมการโรคติดต่อ จ.นครราชสีมา ได้ส่งโทรสารในราชการด่วนที่สุด แจ้งถึงเจ้าหน้าที่ตำรวจให้กวดขันจับกุมการจำหน่ายสุราและมั่วสุมดื่มสุรา รวมทั้งตั้งด่านคัดกรองสุ่มตรวจผู้เดินทางกลับภูมิลำเนาให้ได้มากที่สุด
ขณะที่ นายวิเชียร จันทรโณทัย ผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา ออกประกาศคำสั่งให้ผู้ที่เดินทางมาจากนอกพื้นที่ เข้ามาใน จ.นครราชสีมา จาก 10 จังหวัด คือ กรุงเทพฯ ภูเก็ต นนทบุรี ยะลา สมุทรปราการ ชลบุรี ปัตตานี สงขลา เชียงใหม่ และปทุมธานี ต้องรายงานตัวต่ออาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน หรือ อสม.ภายใน 24 ชั่วโมง พร้อมกักตัวอยู่ในที่พัก 14 วัน เพื่อสังเกตอาการ โดยมี อสม.รับผิดชอบตรวจติดตามบันทึกอาการทุกวัน ต้องใส่หน้ากากทุกวัน ห้ามชุมนุม หากพบมีอาการไข้เกิน 37.5 องศา ให้รีบพาส่งโรงพยาบาลทัน หากไม่ปฏิบัติตามให้ดำเนินคดีตามกฎหมาย.-สำนักข่าวไทย