ทำเนียบรัฐบาล 26เม.ย.- ศบค.
เผยสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ระบุมีทิศทางที่ดีขึ้น
พบผู้ติดเชื้อรายใหม่เพิ่ม 15 คน ไม่มีผู้เสียชีวิต อยู่ระหว่างการรักษา 277 คน
ต่ำกว่า 300 คน เป็นครั้งแรก ขอประชาชน”อย่าการ์ดตก” ให้ใช้ช่วงเวลานี้ปรับตัว
น.พ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 หรือ ศบค.
แถลงชี้แจงสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด – 19
ว่าในวันนี้ (26 เม.ย.) พบผู้ติดเชื้อไวรัสโคโรนา หรือโควิด-19 เพิ่ม 15 คน
จากการสัมผัาผู้ติดเชื้อ ไปในสถานที่ชุมชน และการค้นหาเชิงรุก ซึ่งจำนวนดังกล่าว
พบในสถานที่กักตัวโดยรัฐ จำนวน 5 คน ไม่พบผู้ป่วยจากแรงงานข้ามชาติเพิ่ม
ทำให้มีผู้ป่วยสะสม 2,922 คน มีผู้ป่วยที่รักษาหายเพิ่มขึ้น 47 คน
รวมผู้ป่วยที่รักษาหายแล้ว 2,594 คน เหลือผู้ป่วยที่กำลังรักษาตัวอยู่ 277 คน โดยในวันนี้ไม่มีผู้เสียชีวิต
ทำให้มีผู้เสียชีวิตคงที่ที่ 51 ราย
สำหรับสถานการณ์ทั่วโลกในขณะนี้ นพ.ทวีศิลป์ กล่าวว่า พบผู้ติดเชื้อแล้วทั้งสิ้นกว่า
2900000 คน เสียชีวิตเกิน 200,000 คน
โดยสหรัฐอเมริกายังคงเป็นประเทศที่มีจำนวนผู้ป่วยสูงสุดกว่า 960,000 คน
มีผู้เสียชีวิตแล้วกว่า 50,000 คน สวนในประเทศญี่ปุ่นจังหวัดไซตามะ
มีการยกเลิกเทศกาลดอกกุหลาบประจำปี โดยทางการได้สั่งตัดพุ่มดอกกุหลาบ จำนวน 180
สายพันธุ์ออก เพื่อป้องกันคนออกมารวมตัวชมดอกไม้ พร้อมขอให้ประชาชน
ลดการออกจากบ้าน โดยขอให้ออกเพียง 3 ครั้ง เพื่อมาซื้ออาหารในแต่ละวัน และในวันนี้ (26 เม.ย.) จะมีนักเรียน นักศึกษา
คนงาน และนักท่องเที่ยว จะเดินทางกลับเข้าสู่ประเทศไทย จากประเทศออสเตรเลีย
ในช่วงเวลา 16.00 น และในวันพรุ่งนี้ (27 เม.ย.) จะมีคนไทย กลับจากประเทศญี่ปุ่น
จำนวน 35 คนเนเธอร์แลนด์ 28 คน และนักเรียน นักศึกษา จากประเทศนิวซีแลนด์ จำนวน
168 คน ซึ่งเป็นเด็กนักเรียนที่ไปเรียนภาษาในช่วงหยุดภาคเรียนฤดูร้อน
เข้าสู่ประเทศในช่วงเย็นถึงค่ำ
โดยจะต้องได้รับการจัดตัวโดยรัฐซึ่งจะมีการจัดสถานที่กักตัวให้โดยผู้ปกครองสามารถติดต่อสื่อสารบุตรหลานได้
ส่วนการเฝ้าระวังกลุ่มแรงงานต่างชาติ ที่เมื่อวานนี้ (25 เม.ย.)
พบการแพร่ระบาดกลุ่มดังกล่านั้น น.พ.ทวีศิลป์ กล่าวว่า กระทรวงสาธารณสุข
จะมีการดูแลเชิงรุก ในการตรวจค้นหาโรค
และตรวจสุขอนามัยความเป็นอยู่ของแรงงานต่างด้าวเพื่อไม่ให้เป็นแหล่งกำเนิดโลก
แต่ขอให้แรงงานต่างชาติให้ความร่วมมือกับรัฐด้วย
และปรับตัวให้เข้ากับสถานการณ์ในปัจจุบันพร้อมสังเกตอาการตนเอง
และแสดงตนหากมีอาการป่วยเกิดขึ้น
น.พ.ทวีศิลป์
ยังกล่าวถึงความจำเป็นต่อการใช้ชีวิตของประชาชนหลังจากนี้ ที่จะมี New Normal หรือ
ชีวิตวิถีใหม่ ว่า เชื้อไวรัสโควิด 19 เป็นโรคติดต่อทางเดินหายใจ
ติดต่อผ่านสารคัดหลั่ง และผู้ติดเชื้อส่วนใหญ่ คือ คนวัยทำงาน และไม่ปรากฏอาการ
จึงไม่ทราบว่า ใครคือผู้ที่ติดเชื้อบ้าง และอยู่ในพื้นที่ใด
ซึ่งหากประชาชนยังกลับไปใช้วิถีชีวิตตามแบบเดิม ก็เสี่ยงที่จะติดเชื้อ
และเสี่ยงเกิดการแพร่ระบาด เพราะถึงแม้ประเทศไทย
จะสามารถควบคุมโรคจนไม่มีผู้ติดเชื้อแล้ว แต่ต่างประเทศ ยังมีจำนวนผู้ติดเชื้ออยู่
ดังนั้น หากประชาชนยังใช้วิธีเดิม ใช้ชีวิตตามปกติโดยไม่ปรับเปลี่ยน
ประเทศไทยก็เสี่ยงที่จะกลับมาระบาดอีกครั้ง ทำให้สิ่งที่ประชาชน
และรัฐบาลดำเนินการร่วมกันมา จะกลายเป็นศูนย์ทันที ซึ่งหากประชาชน
จะกลับไปใช้ชีวิตตามปกติเช่นเดิมนั้น จำเป็นจะต้องมียา ที่สามารถรักษาให้หายอย่างเฉียบขาด
และมีวัคซีนในการป้องกัน ยุติการแพร่ระบาดของโรค ซึ่งคาดว่า
ในช่วงต้นปีหน้าการวิจัยน่าจะสำเร็จ แต่ในช่วงระหว่างนี้
ประชาชนยังจำเป็นจะต้องมีการปรับเปลี่ยนพฤติกรรม เพื่อป้องกันการรับเชื้อ
หรือแพร่ระบาดโรค. สำนักข่าวไทย