ตาก 14 เม.ย.- ทนายความนำตัวผู้ต้องหาชาวเมียนมาคดีขนเงินสด 16.5 ล้านบาท ข้ามพรมแดนเข้ามาไทย แจ้งความดำเนินคดีตำรวจทางหลวงชุดจับกุม 7 นาย ฐานปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ
นายอนันต์ชัย ไชยเดช ทนายความ พาผู้ต้องหาชาวเมียนมา 2 คนในคดีขนเงินนายจ้าง 16.5 ล้านบาท ข้ามพรมแดน อ.แม่สอด จ.ตาก เข้าแจ้งความดำเนินคดีกับ สภ.แม่สอด เพื่อเอาผิดตำรวจทางหลวงชุดจับกุม 7 นาย ฐานปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ, หน่วงเหนี่ยวกักขัง และหมิ่นประมาทโดยการโฆษณา
สืบเนื่องจากเมื่อสัปดาห์ก่อน ทั้งคู่ถูกตำรวจทางหลวงจับกุม หลังขนเงินจากเมียนมาเข้ามาฝากธนาคารในไทยให้นายจ้างเพื่อใช้สำหรับธุรกิจน้ำมัน แต่ไม่ได้ผ่านพิธีการศุลกากร จากนั้นถูกส่งตัวให้กองปราบฯ ในกรุงเทพฯ ดำเนินคดี กระทั่งศาลวันที่ 9 เมษายน ศาลอาญาให้ประกันตัวทั้ง 2 คน วงเงินคนละ 1 ล้านบาท และชุดจับกุมไม่ได้ทำตามระเบียบขั้นตอนที่ต้องส่งมอบผู้ต้องหาให้พนักงานสอบสวนท้องที่
นางสาว “นามิทู” หนึ่งในผู้ต้องหาในคดี กล่าวว่า ในวันดังกล่าวต้องนำเงินเข้ามาโอนในไทย เพราะธนาคารเมียนมาปิดเพราะโควิด-19 จากนั้นพอข้ามพรมแดนมาปรากฏว่า มีตำรวจทางหลวงขับรถไล่ตามมา และขอตรวจค้น กระทั่งพบเงินสดทั้งหมด จากนั้นถูกนำตัวไปที่ป้อมตำรวจทางหลวง แต่ยังไม่ถูกแจ้งข้อหา จากนั้้นเวลาผ่านไปนานจนถึงช่วงกลางคืน ถูกพาตัวไปถ่ายรูปและกลายเป็นข่าว พร้อมระบุว่าตนเองสงสัยกรณีที่มีตำรวจร้องขอ 5 กิโลกรัมนั้น ไม่ทราบว่าหมายถึงอะไร
ทั้งนี้ หลังจากแจ้งความดำเนินคดี พนักงานสอบสวน สภ.แม่สอด รับเรื่องไว้เพื่อตรวจสอบ ขณะเดียวกันผู้สื่อข่าวลงพื้นที่จุดตรวจตำรวจทางหลวงแม่สอด ท้องที่ที่เกิดเหตุ พบว่าที่จุดตรวจมีตำรวจทางหลวงมาทำงานตามปกติ แต่ค่อนข้างเงียบเหงากว่าทุกวัน ส่วนถนนทางเข้า-ออกหมู่บ้านวังตะเคียน ซึ่งเป็นจุดจับกุมผู้ต้องหา ปรากฏว่าบริเวณถนนตลอดสาย ไม่มีเจ้าหน้าที่หน่วยใดเข้าไปตั้งจุดตรวจเคลื่อนที่ เพื่อขอตรวจค้นรถขนส่งจากเมียนมาแต่อย่างใด.-สำนักข่าวไทย