กทม.16 มี.ค.-มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย ประกาศแจ้งการเรียนการสอนผ่านระบบออนไลน์เต็มรูปแบบ เริ่มตั้งแต่พรุ่งนี้ (17มี.ค.) เพื่อป้องกันสถานการณ์การแพร่ระบาด “โควิด-19” พร้อมยืนยันขณะนี้ไม่มีอาจารย์ เจ้าหน้าที่ และนักศึกษาติดเชื้อดังกล่าว
ผศ.ดร.ธนวรรธน์ พลวิชัย อธิการบดีมหาวิทยาลัยหอการค้าไทย ลงนาม ในประกาศมหาวิทยาลัยหอการค้าไทย เรื่อง มาตรการป้องกันการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) ฉบับที่ 3 โดยมีข้อความระบุว่า
มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย มีความห่วงใยนักศึกษาและบุคลากร ซึ่งได้มีมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) มาโดยตลอด เช่น การทำความสะอาดฆ่าเชื้อโรคตามจุดสัมผัสต่างๆอย่างสม่ำเสมอและการวัดอุณหภูมิของนักศึกษาและบุคลากร เพื่อคัดกรองก่อนเข้าบริเวณมหาวิทยาลัยและมหาวิทยาลัยหอการค้าไทย ขอยืนยันว่ามหาวิทยาลัยฯยังไม่พบหลักฐานว่ามีอาจารย์ เจ้าหน้าที่และนักศึกษาของมหาวิทยาลัยฯติดเชื้อ
อย่างไรก็ตามสถานการณ์การแพร่ระบาดมีแนวโน้มเพิ่มมากขึ้น เพื่อป้องกันการแพร่ระบาดและคำนึงถึงสุขภาพ ความปลอดภัยของนักศึกษาและบุคลากรเป็นสำคัญ คณะกรรมการบริหารมหาวิทยาลัยในการประชุมวาระพิเศษ วันจันทร์ที่ 16 มีนาคม 2563 จึงมีมติให้มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย ดำเนินการตามมาตรการ ดังนี้
1.ตั้งแต่วันอังคารที่ 17 มีนาคม 2563 เป็นต้นไปให้ระงับการเรียนการสอนในห้องเรียนและทำการเรียนการสอนผ่านระบบออนไลน์ เต็มรูปแบบเป็นการทดแทน จนกว่าจะมีการเปลี่ยนแปลง อาจารย์ ผู้สอน สามารถใช้สื่อออนไลน์เพื่อสอนหรือเพื่อการทำรายงาน ส่งรายงาน ทดสอบและทำกิจกรรมต่างๆ กับนักศึกษา ทดแทนการสอนผ่านชั้นเรียน สำหรับวิธีการเรียนการสอน อาจารย์ผู้สอน สามารถใช้วิธีการสอนได้หลายรูปแบบตามดุลยพินิจ และความเหมาะสม โดยสามารถประเมินผลลัพท์การเรียนรู้ต่างๆทดแทนการใช้ วิธีการเรียนการสอนปกติ
2.ในช่วงการดำเนินการสอน ผ่านระบบออนไลน์ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย ยังคงเปิดดำเนินการตามปกติ ดังนั้นหากนักศึกษาที่ต้องการใช้บริการ WIFI และบริการอื่นๆ เช่น สำนักหอสมุดกลาง ภายในมหาวิทยาลัยฯ เพื่อเข้าเรียนระบบออนไลน์ นักศึกษาสามารถมาใช้พื้นที่ที่มหาวิทยาลัยฯได้จัดไว้ให้
3.สำหรับนักศึกษาฝึกงานและสหกิจศึกษา ที่ปฏิบัติงานในพื้นที่ ที่มีความเสี่ยง มหาวิทยาลัยได้ดำเนินการประสาน กับสถานประกอบการเพื่อยุติการฝึกงานและสหกิจศึกษา และให้อาจารย์ผู้ดูแลพิจารณามอบหมายโครงการเป็นการทดแทน
ทั้งนี้ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย ยังคงเฝ้าระวัง และติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิดต่อไป .-สำนักข่าวไทย