กรุงเทพฯ 9 มี.ค. – รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ยืนยันขั้นตอนคัดกรองผู้โดยสาร 6 สนามบินเข้มตามมาตรฐานสากล ย้ำประเทศสุ่มเสี่ยงที่สาธารณสุขประกาศเป็นเขตโรคติดต่ออันตราย 4 ประเทศ 2 เขตปกครองพิเศษต้องมีใบรับรองแพทย์ก่อนขึ้นเครื่องมาไทย พร้อมควักเงินส่วนตัวล่าผีน้อย 10,000 บาทต่อราย
นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยภายหลังการตรวจเยี่ยมห้องปฏิบัติการภาวะฉุกเฉิน (อีโอซี) โควิด-19 ว่า สนามบินทั้ง 6 แห่งของทอท. มีมาตรการตรวจคัดกรองผู้โดยสารอย่างเข้มงวดตามมาตรฐานสากล โดยมีการติดตั้งเครื่องเทอร์โมสแกนและเครื่องวัดอุณหภูมิหน้าผากและทางหู พร้อมจัดเจ้าหน้าที่ทางการแพทย์ จากกรมควบคุมโรคติดต่อระหว่างประเทศและเจ้าหน้าที่สาธารณสุข มาให้บริการผู้โดยสาร เพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของไวรัสโควิดอย่างใกล้ชิด
สำหรับประเทศกลุ่มเสี่ยงที่กระทรวงสาธารณสุขได้ออกประกาศกำหนดให้ 4 ประเทศ และ 2 เขตปกครองพิเศษ เป็นเขตโรคติดต่ออันตราย ประกอบด้วย เกาหลีใต้ จีน อิตาลี และอิหร่าน รวมถึงเขตบริหารพิเศษมาเก๊า และเขตบริหารพิเศษฮ่องกงนั้น หากนักท่องเที่ยวหรือบุคคลทั่วไปจากประเทศดังกล่าวที่จะเดินทางเข้ามาไทยต้องมีใบรับรองแพทย์อย่างเป็นทางการว่าต้องไม่ติดเชื้อไวรัส เพื่อนำมาแสดงต่อสายการบินที่ขึ้นเครื่องและถ้าไม่มีใบรับรองแพทย์ก็ไม่สามารถออกมาจากประเทศต้นทางได้ และห้ามเข้าประเทศไทย
อย่างไรก็ตาม กรณีถ้าเข้ามาถึงไทยแล้วตรวจพบว่ามีไข้จะต้องถูกกักตัว 14 วัน ว่า สุ่มเสี่ยงติดเชื้อไวรัสโควิดหรือไม่ ถ้าติดเชื้อก็ต้องดำเนินการตามขั้นตอนของกระทรวงสาธารณสุข ส่วนคนไทยหากมาจากประเทศสุ่มเสี่ยง โดยเฉพาะเกาหลีจะถูกกัก 14 วัน ถ้าไม่มีไข้จะปล่อยกลับบ้านทันที
นอกจากนี้จะนำเงินส่วนตัว 10,000 บาทต่อราย เป็นรางวัลให้บุคคลทั่วไปที่ชี้เบาะแสแรงงานไทยผิดกฎหมายในเกาหลีใต้จำนวน 70 – 80 คนที่เดินทางเข้ามาในไทย แต่ไม่ได้ผ่านตรวจแยกคัดกรองจากเจ้าหน้าที่สาธารณสุขที่สนามบินฯ และมีการโพสต์ภาพผ่านสื่อสังคมออนไลน์ทำให้ประชาชนเกิดความตื่นตะหนก เนื่องจากในช่วงนั้นยังไม่มีมาตรการกักตัวคนไทยที่เดินทางกลับจากต่างประเทศ ดังนั้นขอให้บุคคลที่เป็นแรงงานผิดกกฏหมายที่รู้ตัวว่าไม่ได้ถูกคัดกรองมารายงานตัวที่สาธารณสุขโดยด่วนไม่เช่นนั้นจะประกาศรายชื่อ พร้อมภาพถ่ายสู่สาธารณชนให้รับรู้ว่าเป็นแรงงานผิดกฏหมายที่ต้องมารายงานตัวกับสาธารณสุข . – สำนักข่าวไทย