กรุงเทพฯ 24 ก.พ.- การอภิปรายไม่ไว้วางใจยังพุ่งเป้าไปที่นายกรัฐมนตรี โดยเฉพาะเรื่องการเอื้อประโยชน์ให้กลุ่มทุน และความร่ำรวยผิดปกติ ด้านนายกรัฐมนตรี ยืนยันที่มาของรายได้จากเงินมรดกที่บิดาขายที่ดินตั้งแต่สมัยเป็นผู้บัญชาการทหารบก ไม่ได้เอื้อกลุ่มทุน เพราะไม่คิดว่าวันนี้จะมาเป็นนายกรัฐมนตรี
การประชุมสภาผู้แทนราษฎร เพื่อพิจารณาญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐมนตรีเป็นรายบุคคล ในช่วงที่ผ่านมายังคงเป็นการอภิปราย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม โดยนายยุทธพงศ์ จรัสเสถียร ส.ส.มหาสารคาม พรรคเพื่อไทย กล่าวหานายกรัฐมนตรีร่ำรวยผิดปกติ เพราะจากการตรวจสอบบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินที่ยื่นต่อ ป.ป.ช. พบว่ามีทรัพย์สินเพียง 128 ล้านบาท แต่มีรายจ่าย 466 ล้านบาท ซึ่งไม่สัมพันธ์กัน
จากการตรวจสอบพบบิดาขายที่ดินย่านบางบอนได้ในราคา 609 ล้านบาท และมอบเงินให้ 540 ล้านบาท โดยที่ดินดังกล่าวลักษณะเป็นบ่อน้ำ ไม่คุ้มค่ากับการลงทุน และราคาสูงกว่าราคาประเมิน จึงตั้งข้อสังเกตว่าการซื้อขายที่ดินดังกล่าวเป็นการฟอกเงินหรือไม่ อีกทั้งพบบริษัท 69 69 พร็อพเพอร์ตี้ มีความเชื่อมโยงกับเจ้าสัวรายหนึ่ง และพบมีการเอื้อประโยชน์ให้เจ้าสัวรายดังกล่าวด้วยการต่อสัญญาเช่าของศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ 50 ปี โดยไม่มีการเปิดประมูลแข่งขัน และยังบริหารราชการแผ่นดินบกพร่อง จากการออกมาตรา 44 ต่อสัมปทานการก่อสร้างรถไฟฟ้าบีทีเอสสายสีเขียว ฝั่งเหนือและฝั่งใต้ให้สัมปทานการเดินรถไฟฟ้าบีทีเอสเป็นเวลา 40 ปี
ขณะที่นายกรัฐมนตรี ชี้แจงที่ดินของพ่อเป็นโฉนดมาตั้งแต่ตนยังไม่เกิด และพ่อได้รับตกทอดมาเป็นแปลงใหญ่ที่สุดในย่านนั้น มีถนนตัดผ่าน เป็นหนองน้ำธรรมชาติ ไม่ใช่บ่อตกปลา และบิดาขายไปตั้งแต่สมัยที่ตนเป็นผู้บัญชาการทหารบก ซึ่งไม่คิดว่าจะมาเป็นนายกรัฐมนตรีในวันนี้.-สำนักข่าวไทย