กรุงเทพฯ 3 ม.ค.-ผู้สื่อข่าวสำนักข่าวไทย ลงพื้นที่ตลาดสดบางกะปิ สำรวจความเปลี่ยนแปลง หลังห้างร้านดีเดย์งดแจกถุงพลาสติก เพื่อลดปัญหาสิ่งแวดล้อม
หลังจากวันที่ 1 มกราคม 2563 ห้างสรรพสินค้า ซูเปอร์มาร์เก็ต และร้านสะดวกซื้อ ดีเดย์งดแจกถุงพลาสติก เพื่อลดปัญหาสิ่งแวดล้อม ผลปรากฏว่าได้รับความร่วมมือเป็นอย่างดี วันนี้เราเลยลองไปสำรวจตลาดสดกันบ้างว่าจะมีความเปลี่ยนแปลง หรือได้รับความร่วมมือจากพี่น้องประชาชน หรือ บรรดาพ่อค้าแม่ค้าจะปรับตัวอย่างไร ในช่วงเวลาที่รณรงค์กันหนักขนาดนี้
ตลาดที่พลุกพล่านอย่าง ตลาดสดบางกะปิ ซึ่งเป็นตลาดค้าปลีกเอกชน คนหนาแน่นเดินซื้อของกันตลอดทั้งวัน จากการสังเกตพบว่ามีประชาชนพกถุงผ้ามาใส่สินค้าค่อนข้างน้อย ในจำนวน 10 คน เจอไม่เกิน 3 คนที่พกถุงผ้า พี่ผู้ชายคนหนึ่งที่พกถุงผ้ามาด้วยบอกว่า ทราบข่าวว่าจะเริ่มรณรงค์เรื่องถุงพลาสติก ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคมเป็นต้นไ ป เลยอยากช่วยด้วยการนำถุงผ้ามาใส่สินค้าแทนการใส่ถุงพลาสติก แต่ดูจากสินค้าที่ใส่ในถุงก็ยังเป็นผักผลไม้ที่ใส่ถุงแกงร้อนผูกปากถุงอยู่เพียงไม่ได้ขอถุงหูหิ้วมาด้วย แต่พอเป็นอาหารสดเท่านั้นก็ยังเห็นต้องใส่ถุงพลาสติกหูหิ้วมาอยู่
ขณะที่คุณป้าท่านนี้รอซื้อปลาอยู่ สะพายถุงกระสอบขนาดใหญ่มาซื้อของ เข้าไปพูดคุย ป้าบอกว่า ทำมาตั้งนานแล้วก่อนที่จะรณรงค์ สำคัญคือ ถุงใหญ่ใส่ของได้เยอะ ถือไปไหนมาไหนก็ทำได้สะดวก ซึ่งส่วนใหญ่ที่ซื้อมักจะเป็นของสด ที่ต้องสวมด้วยถุงหิ้วอีก 1-2 ชั้น เพื่อไม่ให้เลอะเทอะ คุณป้าบอกว่า เห็นด้วยกับการรณรงค์ลดการใช้พลาสติก เพราะจะช่วยลดการเพิ่มขยะ
ขณะที่พ่อค้าแม่ค้าก็มีการปรับตัว อย่างพี่กัน เจ้าของร้านขนมหวานสุวิมล ในตลาดสดบางกะปิ เล่าให้ฟังว่า ตอนนี้เริ่มเห็นลูกค้าพกพาถุงผ้ามาใส่ของเยอะขึ้นเรื่อยๆ ก็ถือเป็นเรื่องที่ดี โดยทางผู้ค้าก็พยายามปรับตัวเช่นกัน คือถ้าหากสินค้าตัวไหนที่สามารถใส่ในถุงผ้า หรือใครไม่พกมาแต่สามารถขอใส่เบียดๆ ในถุงพลาสติกได้ ก็จะขอความร่วมมือ ซึ่งส่วนใหญ่ก็ได้รับความร่วมมืออย่างดี แต่ก็มีบางส่วนที่ไม่สนใจยังไงก็จะรับถุงกลับไปอย่างเดียว จึงยังคงต้องมีความจำเป็นที่ต้องมีถุงพลาสติกไว้อยู่เพื่อรองรับคนกลุ่มนี้
คุณพี่มะลิ เจ้าของแผงขายผัก บอกว่า ตอนนี้พยายามลดการใช้ถุงพลาสติก ด้วยการใช้ถุงซ้ำใส่สินค้าให้ลูกค้า ซึ่งลูกค้าประจำที่ซื้อของที่ร้านมักจะนำถุงที่ใช้แล้วแต่สภาพดีอยู่มาให้ เพื่อเป็นการลดขยะ ซึ่งถ้าหากใครนำถุงผ้าหรือตะกร้ามาใส่ผักก็จะลดราคาให้ หรือไม่ก็แถมพิเศษให้ ส่วนตัวมองว่าการที่จะลดไม่ให้ใช้เลยคงเป็นไปไม่ได้ เพราะเป็นนิสัยที่ติดตัวและเคยชินไปแล้ว มองว่าจะแก้ให้หายไปเลยคงเป็นไปได้ยาก
ส่วนแม่ค้าขายน้ำที่จะเลี่ยงการใช้พลาสติกได้ยาก ก็พยายามที่จะลดการใช้พลาสติก ด้วยการขอความร่วมมือแม่ค้าพ่อค้าในตลาดให้นำกระติกหรือแก้วเก็บความเย็นมาใส่แทน ก็ได้รับความร่วมมืออย่างดี แต่ก็มีลูกค้าขาจรที่จะยังมีความจำเป็นใช้แก้วพลาสติก แม้จะแก้ด้วยการใช้แก้วกระดาษ แต่ก็มีเสียงบ่นว่าไม่ชอบกลิ่นกระดาษทำให้รสชาติน้ำไม่อร่อย
ถามพ่อค้าแม่ค้าไปแล้ว ไปถามคนที่ขายถุงพลาสติกในตลาดกันบ้าง บอกว่า ตอนนี้เริ่มส่งผลกระทบแล้ว อย่างร้านของพี่อ๋า เล่าให้ฟังว่า ยอดขายตอนนี้เริ่มเห็นผลแล้ว และไม่ใช่แค่เพิ่งได้รับผลกระทบ แต่เป็นมา 3-4 เดือนแล้ว เพราะคนตื่นตัวในเรื่องนี้มากขึ้นอย่างน่าชื่นชม ทำให้ยอดขายตอนนี้หายไป 30-40% ในอนาคตอาจจะลดหายไปมากกว่านี้ จึงต้องมีการปรับตัวด้วยการหาสินค้าอย่างอื่นเช่นถุงผ้า หรือพลาสติกย่อยสลายได้มาแทนที่ในอนาคต.-สำนักข่าวไทย