นนทบุรี 25 ธ.ค. – กรมการค้าต่างประเทศ ระบุว่าเตรียมเรียกประชุมผู้ประกอบทุกกลุ่มหารือในวันที่ 9 มกราคมนี้ เพื่อกำหนดแนวทางช่วยเหลือแก้ปัญหาขยะ โดยเฉพาะเศษกระดาษราคาตกต่ำ เนื่องจากมีการนำเข้า
นายกีรติ รัชโน อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ กล่าวว่า หลังจากการกลุ่มผู้เดือดร้อนซาเล้งเรียกร้องให้กระทรวงพาณิชย์ แก้ปัญหาขยะราคาตกต่ำ เนื่องจากมีการนำเข้าขยะจากต่างประเทศ โดยรับฟังข้อเสนอของผู้ที่ได้รับผลกระทบจากขยะในประเทศราคาตก ส่วนแนวทางแก้ปัญหา ในวันที่ 9 มกราคม 2563 จะเชิญผู้เกี่ยวข้องทุกภาคส่วนมาหารือเพื่อให้ได้ข้อมูลครบทุกด้าน ก่อนกำหนดแนวทางช่วยเหลือ ทั้งตัวแทนซาเล้ง ผู้นำเข้า และโรงงานรีไซเคิล ว่าใครเป็นผู้ได้ประโยชน์สูงสุด จากธุรกิจนี้ กำไรอยู่ที่เท่าไหร่ เพื่อกำหนดหาแนวทางช่วยเหลือที่เหมาะสมต่อไป
อย่างไรก็ตาม กระทรวงพาณิชย์เป็นหน่วยงานปลายทางเท่านั้นแต่หน่วยงานหลักคือ กระทรวงอุตสาหกรรม กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม แต่เนื่องจากทั้งสองหน่วยงานไม่มีกฎหมายนำเข้าและส่งออก จึงมาอาศัยกฎหมายของกระทรวงพาณิชย์ในการนำเข้าและส่งออก โดยกระทรวงพาณิชย์จะดูในประเด็นของราคาตกเท่านั้น ซึ่งเศษกระดาษเป็นกลุ่มแรกที่มีการเรียกร้องให้แก้ไข เพราะกระทบกับรายได้ของผู้ประกอบอาชีพเก็บของเก่าขาย
นอกจากนี้ แนวทางที่มีความเป็นไปได้ คือ จำกัดปริมาณการนำเข้าขยะ/หรือการใช้มาตรการตอบโต้การทุ่มตลาด หรือ AD แต่จะใช้เวลาพิจารณาสอบสวนนานกว่า 1 ปี อาจจะไม่ทันสถานการณ์ โดยเห็นว่าการแก้ปัญหาควรทำให้เร็วที่สุดหรือไม่เกิน 3 เดือน สำหรับประเทศที่ไทยมีการนำเข้าเศษกระดาษมากที่สุด คือ สหรัฐอเมริกา ร้อยละ 24 รองลงมา อิตาลี ร้อยละ 11 ญี่ปุ่น ร้อยละ 7 เนเธอร์แลนด์ ร้อยละ 6 และออสเตรเลีย ร้อยละ 5.8
ทั้งนี้ ขยะที่นำเข้ามาส่วนใหญ่จะนำไปรีไซเคิล เป็นผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ โดยปริมาณนำเข้าเศษกระดาษปี 2562 ตั้งแต่เดือนมกราคมถึงตุลาคม มีปริมาณ 1.5 ล้านตัน คิดเป็นมูลค่า 6,631 ล้านบาท เพิ่มจากปี 2561 ที่มีการนำเข้าทั้งปีอยู่ที่ 1.4 ล้านตัน คิดเป็นมูลค่า 7,790 ล้านบาท ซึ่งปริมาณนำเข้าที่เพิ่มขึ้น ส่งผลให้ราคาเศษกระดาษลดลง จากปี 2561 ราคาเฉลี่ยอยู่ที่กิโลกรัมละ 3 บาท แต่ราคาเฉลี่ยปี 2562 อยู่ที่กิโลกรัมละ 1.50 – 2 บาทเท่านั้น
อย่างไรก็ตาม แนวโน้มการนำเข้าขยะที่เพิ่มขึ้น กรมฯได้ออกประกาศเพื่อควบคุมการนำเข้าขยะ โดยก่อนหน้านี้ กรมฯได้ออกประกาศเรื่อง กำหนดให้ขยะเทศบาลเป็นสินค้าที่ต้องห้ามนำเข้า และห้ามนำผ่านราชอาณาจักร พ.ศ. 2562 เช่น ของเสียที่รวบรวมจากบ้านเรือน โรงแรม ภัตตาคาร โรงพยาบาล ร้านค้า สำนักงาน บนถนน บนทางเท้า ของเสียจากการก่อสร้าง รื้อถอน ของชำรุด หรือ ของทิ้งอื่น แต่ไม่รวมเศษกระดาษ เศษเหล็ก และวัตถุหรือของอย่างเดียวกัน ที่คัดแยกออกจากของเสียดังกล่าวแล้ว มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 13 กรกฎาคมที่ผ่านมา และในปี 2563 กรมการค้าต่างประเทศเตรียมประกาศกำหนดให้ขยะอิเล็กทรอนิกส์เป็นสินค้าที่ “ต้องห้าม” ในการนำเข้า ตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยการส่งออกและนำเข้ามาในราชอาณาจักร พ.ศ. 2522 หลังจากที่กรมได้เปิดรับความเห็นทุกภาค ไปแล้วตั้งแต่วันที่ 20 พฤศจิกายนถึง 12 ธันวาคม 2562 ที่ผ่านมา . – สำนักข่าวไทย