เชียงใหม่ 30 พ.ย.- สำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัดเชียงใหม่ แจ้งให้เจ้าคณะจังหวัดตั้งกรรมการสอบเจ้าอาวาสวัดดังหลังมีคลิปใกล้ชิดสีกาแล้ว เบื้องต้นเจ้าอาวาสบอกเป็นลูกหลานไม่มีเจตนาประพฤติผิดพระวินัย
หลังเมื่อวานนี้มีคลิปพระสงฆ์ใกล้ชิดกับสีกา ถูกเผยแพร่ในโลกออนไลน์ และมีการระบุว่าเป็นเจ้าอาวาสวัดดังในอำเภอสันป่าตอง จังหวัดเชียงใหม่ ซึ่งจากวันที่ที่บันทึกภาพตามกล้องวงจรปิดเป็นวันที่ 27 ตุลาคมที่ผ่านมา หรือประมาณ 1 เดือนก่นหน้านี้ เมื่อภาพเผยแพร่ออกไปทำให้ชาวบ้านและบุคคลในวัดเกิดความไม่สบายใจ มองว่าเป็นพฤติกรรมไม่เหมาะสม เพื่อให้มีหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เข้ามาแก้ไข
วันนี้ผู้สื่อข่าวไปตรวจสอบที่วัดที่ตกเป็นข่าว ภายในห้องสำนักงานของวัดตามที่ปรากฏในคลิป เงียบเหงามาก เจ้าอาวาสวัดไม่อยู่ ห้องสำนักงานปิดล็อก ส่วนบริเวณวัดมีกล้องวงจรปิดโดยรอบ สอบถามพระลูกวัดบอกว่า ไม่ขอพูดถึงกรณีที่เกิดขึ้น ขอให้ไปสอบถามเจ้าอาวาสวัดเอง ซึ่งวันนี้พระครูเจ้าอาวาส เดินทางไปงานศพญาติที่ภาคอีสานตั้งแต่เช้า และไม่ทราบว่าจะเดินทางกลับวันไหน ส่วนพระสังฆาธิการ เจ้าคณะตำบลปกครองคณะสงฆ์วันนี้ ไม่สามารถติดต่อได้ เนื่องจากติดภาระ ไปคุมการสอบของพระภิกษุสามเณร
นายธีรพงษ์ อินทร์พันธุ์ ผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัดเชียงใหม่ เปิดเผยว่า ขณะนี้สำนักงานพระพุทธศาสนาเชียงใหม่ ได้มีหนังสือไปยังเจ้าคณะอำเภอ และเจ้าคณะตำบลให้แต่งตั้งคณะกรรมการเร่งตรวจสอบข้อเท็จจริง แต่ตามหลักฐานที่มีอยู่ ประกอบกับคำให้การของเจ้าอาวาสที่ยอมรับผิดว่าถูกเนื้อต้องตัวเด็กสาวจริง เบื้องต้นมีความผิดอยู่แล้ว แต่ไม่ถึงขั้นปาราชิก แต่เป็นความผิดที่รองลงมาจากปาราชิก เรียกว่า สังฆาทิเสส ถือเป็นอาบัติ เป็นโทษแรงขั้นหนึ่ง
โดยเจ้าอาวาสยืนยันว่า เด็กสาวในภาพเป็นลูกหลานที่รับอุปการะ ไม่มีเจตนาประพฤติผิดพระวินัยที่ร้ายแรง หรือมีเพศสัมพันธ์ ตามที่หลายคนสงสัย ส่วนที่ถูกกล่าวหาว่าเอาเงินวัดไปช่วยเหลือเด็กสาว ยืนยันเป็นเงินส่วนตัว ไม่เอาเงินวัดไปใช้ และพร้อมให้ตรวจสอบบัญชีการเงินของวัด
ผอ.พศ.เชียงใหม่ บอกอีกว่าที่ผ่านมาที่ประชุมคณะสงฆ์ประจำเดือน ได้ย้ำเตือนเสมอว่าพระทุกรูปที่บวช เลี้ยงชีพด้วยศรัทธาของประชาชน จะต้องมีจริยวัตรที่งดงาม ต้องระมัดระวังในเรื่องนี้ และ พศ.ก็ได้กำหนดมาตรการหลายอย่าง โดยเฉพาะการตรวจสอบประวัติบุคคลที่จะบวช มีการตรวจสอบข้อมูลกับสำนักงานตำรวจแห่งชาติ หากมีประวัติไม่เหมาะสม พระอุปัชฌาย์ก็ไม่สามารถบวชให้ได้ ใครที่มีข้อกล่าวหาก็ต้องรีบดำเนินการสอบสวนให้เสร็จโดยเร็ว เพื่อไม่ให้มัวหมองและกระทบต่อศาสนา เช่นเดียวกับกรณีนี้ โดยคาดว่าจะใช้เวลาไม่นานจะได้ข้อสรุป
มาทำความรู้จักกับอาบัติ “สังฆาทิเสส” ถือเป็นเป็นครุกาบัติ หรือความผิด “หนัก” ที่รองลงมาจาก “ปาราชิก” คือไม่ถือว่าตายไปจากพระพุทธศาสนา แต่ต้องเข้ากระบวนการอยู่กรรมกับพระภิกษุสงฆ์ ชำระศีลให้บริสุทธิ์ เพื่อให้พ้นจากการอาบัติ แต่จะปลงอาบัติกับภิกษุเพียงรูปใดรูปหนึ่งไม่ได้ ต้องอาศัยสงฆ์ในการประพฤติเพื่อการออกจากอาบัตินั้น เช่น การให้ปริวาส ให้มานัต ต้องอาศัยสงฆ์อย่างน้อย 4 รูปขึ้นไป แต่ถ้าการอัพภาน การเรียกเข้าหมู่เป็นผู้พ้นจากอาบัติหนัก และเป็นผู้บริสุทธิ์ ต้องอาศัยพระสงฆ์ 20 รูปขึ้นไป สังฆาทิเสส มี 13 ข้อ
1.ปล่อยน้ำอสุจิด้วยความจงใจ เว้นไว้แต่ฝัน
2.เคล้าคลึง จับมือ จับช้องผม ลูบคลำ จับต้องอวัยวะอันใดก็ตามของสตรีเพศ
3.พูดจาหยาบคาย เกาะแกะสตรีเพศ เกี้ยวพาราสี
4.การกล่าวถึงคุณในการบำเรอตนด้วยกาม หรือถอยคำพาดพิงเมถุน
5.ทำตัวเป็นสื่อรัก บอกความต้องการของอีกฝ่ายให้กับหญิงหรือชาย แม้สามีกับภรรยา หรือแม้แต่หญิงขายบริการ
6.สร้างกุฏิด้วยการขอ
7.สร้างวิหารใหญ่ โดยพระสงฆ์มิได้กำหนดที่ รุกรานคนอื่น
8.แกล้งใส่ความว่าปาราชิกโดยไม่มีมูล
9.แกล้งสมมุติแล้วใส่ความว่าปาราชิกโดยไม่มีมูล
10.ยุยงสงฆ์ให้แตกกัน
11.เป็นพวกของผู้ที่ทำสงฆ์ให้แตกกัน
12.เป็นผู้ว่ายากสอนยาก และต้องโดนเตือนถึง 3 ครั้ง
13. ทำตัวเป็นเหมือนคนรับใช้ ประจบคฤหัสถ์.-สำนักข่าวไทย