รพ.เซนต์หลุยส์21พ.ย.-‘ซิสเตอร์สมศรี’ ปลื้มปีติเป็นคนเดียวในคณะผู้ป่วยบนวีลแชร์ที่ได้สัมผัสมือ ‘โป๊ปฟรังซิส’ เผยตั้งตารอ รักษาตัวให้พร้อมเพื่อวันนี้ แม้เพียงได้เห็นก็เป็นที่สุดของชีวิต ไม่คิดว่าจะได้เจอใกล้ขนาดนี้ จึงรวบรวมความกล้าตะโกน “Ti amo” ฉันรักเธอในภาษาอิตาเลี่ยน เมื่อทรงได้ยิน จึงเดินมาสัมผัสมือ
บรรยากาศภายใน รพ.เซนต์หลุยส์ ซึ่งเป็นหนึ่งในสถานที่ที่สมเด็จพระสันตะปาปาฟรังซิส เสด็จมาทำกิจกรรมในโอกาสเสด็จเยือนประเทศไทยอย่างเป็นทางการในฐานะแขกของรัฐบาล ระหว่างวันที่ 20-23 พฤศจิกายน 2562
โดยที่ รพ.เซนต์หลุยส์ เริ่มจากพบปะผู้บริหารโรงพยาบาล ก่อนเสด็จลงมาให้โอวาท อวยพร ให้กำลังใจ ผู้ป่วยติดเตียงประมาณ 40 คน ญาติผู้ป่วย เป็นการส่วนพระองค์ และไม่อนุญาตให้เข้าไปเก็บภาพ จากนั้นจึงเสด็จมาทักทายผู้สูงอายุ บุคลากรโรงพยาบาล และประชาชนที่รออยู่บริเวณโถงอาคาร 100 ปีบารมีบุญ จนถึงบริเวณอาคารเสริมบุญ หลุยส์เวย์ ก่อนเดินทางกลับไปยังสถานสมณทูตวาติกัน โดยใช้เวลารวมในจุดนี้ประมาณ 1 ชั่วโมง
ซิสเตอร์สมศรี กิจวิทักษ์ อายุ 81 ปี ที่มีอาการป่วยข้อเท้าเสีย เดินทางมา ร่วมเฝ้ารับเสด็จพร้อมกับคณะพระหฤทัยของพระเยซูเจ้าแห่งกรุงเทพ ซึ่ง ซิสเตอร์สมศรี เป็นคนเดียวในคณะผู้ป่วยบนวีลแชร์ที่รอเฝ้ารับเสด็จอยู่หน้าโถงอาคาร 100 ปีบารมีบุญที่ได้มีโอกาสสัมผัสมือกับสมเด็จพระสัน ตะปาปาฟรังซิส โดยซิสเตอร์สมศรีเล่าเหตุการณ์ให้ฟังว่า รู้สึกตื่นเต้นและดีใจมาก ๆ จนอธิบายเป็นคำพูดไม่ถูก หลังจากที่ทราบข่าวว่าพระองค์จะเสด็จเยือนไทย ตลอด 1 เดือนที่ทราบ ก็ตั้งตารอเตรียมรักษาตัวให้พร้อมเพื่อมาวันนี้ ช่วงที่เสด็จมาเพียงแค่ได้เห็นพระองค์ก็ถือว่าเป็นที่สุดของชีวิตแล้วเพราะไม่คิดว่าจะได้มีโอกาสเจอพระองค์ใกล้ชิดขนาดนี้ เวลานั้นที่ท่านเสด็จผ่านจึงรวบรวมความกล้าตะโกนบอก “Ti amo” หรือ ฉันรักเธอ ในภาษาอิตาเลี่ยน เมื่อพระองค์ได้ยิน จึงเดินมาสัมผัสมือ ถือว่าเป็นเกียรติอย่างยิ่ง คุ้มค่ากับการรอคอยมากว่า35ปี นับตั้งแต่สมเด็จพระสันตะปาปา จอห์นปอลที่2 เคยเสด็จเยือนอย่างเป็นทางการ เมื่อปี 2537 สิ่งที่ได้รับและความรู้สึกที่เจอในวันนี้ นับว่าเป็นพลังใจ ให้สามารถมีชีวิตทำความดีต่อไปได้อีกนานเท่านาน
ด้านคู่เพื่อนสนิท คือ น.ส.กมลวรรณ อินอร่าม และ น.ส.ชนาการ เอี่ยมชมนาค ซึ่งทั้งคู่เป็นผู้พิการทางสายตาทั้งสองคน โดย น.ส.กมลวรรณ บอกเล่าความรู้สึกว่า วันนี้ตั้งใจจะมารับเสด็จพระองค์ท่าน เตรียมตัวและรอคอยมานานกว่า 1 เดือน วันนี้มารอตั้งแต่ตี 5 แม้จะรู้ตัวดี ว่าถึงอย่างไรก็ไม่สามารถมองเห็นหน้าพระองค์ได้ แต่ก็ยังอยากจะมาสัมผัสบรรยากาศสักครั้งที่ไม่รู้ว่าจะได้มีโอกาสแบบนี้อีกเมื่อไหร่ และเมื่อท่านเสด็จผ่านในจุดที่ยืนรอ ก็สามารถสัมผัสความรู้สึกความใจดีของพระองค์ได้เป็นอย่างดี เพื่อนผู้พิการที่มองเห็น มาเล่าให้ฟังว่าพระองค์ทรงอุ้มบุตรหลานผู้พิการระหว่างเสด็จผ่าน แค่นี้ก็ยิ่งทำให้รู้สึกปลื้มปิติไปอีก ความรู้สึกวันนี้จะจำไปจนวันสุดท้าย และจะนำพลังที่พระองค์ได้มอบให้มาเป็นแรงใจในการดำเนินชีวิต โดยไม่คิดย่อท้อต่ออุอสรรคใดๆ
ขณะที่ครอบครัวโตวนำชัย มากันเป็นครอบครัวใหญ่ ประกอบด้วย พ่อแม่ ลูกชาย 2คน ลูกสาว1คน และหลาน ซึ่งทั้งหมดลงทุนทำเสื้อและหมวกทีมเพื่อต้อนรับการเสด็จมา คุณพ่อกล่าวในฐานะตัวแทนครอบครัว ว่า ในฐานะที่ครอบครัวเป็นคริสเตียน การมาปรากฎตัวให้เห็นของสมเด็จพระสันตะปาปาฟรังซิสที่ถือเป็นศูนย์รวมจิตใจชาวคริสทั่วโลก ไม่มีเหตุผลใดที่จะไม่มาเฝ้ารับเสด็จ เพราะอย่างน้อยการได้มาชื่นชมพระบารมีของพระองค์ แม้จะเห็นไกลๆ แค่นี้ก็ถือเป็นหนึ่งในความรู้สึกที่สุดของชีวิตแล้ว และแม้ว่าวันนี้อากาศจะร้อน คนจะเยอะก็ยังอยากนำลูกหลาน มารับพรจากพระองค์ เพื่อให้จดจำความรู้สึกว่าครั้งหนึ่งได้มีโอกาสที่ดีที่สุดแบบนี้.-สำนักข่าวไทย