สบส.8พ.ย.-สบส.ส่งเจ้าหน้าที่ลงพื้นที่เก็บตัวอย่างยาและเครื่องสำอางจากคลินิกย่านบางกะปิ หลังสาวร้องมีสารต้องห้ามผสมในครีมที่นำมาให้บริการ ชี้หากพบผิดจริงมีโทษตามกฎหมายสถานพยาบาล ทั้งจำทั้งปรับ
จากกรณี หญิงสาวรายหนึ่ง เข้าแจ้งความร้องทุกข์กับเจ้าหน้าที่ตำรวจ ให้ดำเนินคดีกับคลินิกเสริมความงามแห่งหนึ่งย่านบางกะปิ หลังเข้ารับบริการคอร์สบำรุงใบหน้าและได้ครีมทาใบหน้ามาใช้ แต่เกิดอาการแพ้และมีสิวผดทั่วบริเวณใบหน้า ซึ่งเกิดจากสารต้องห้ามในการนำมาใช้กับผิวหน้า ที่ผสมอยู่ในครีมนั้น
วันนี้ (8 พ.ย.) นพ.ธเรศ กรัษนัยรวิวงค์ อธิบดีกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ (กรม สบส.)กระทรวงสาธารณสุข ให้สัมภาษณ์ว่า ขณะนี้ได้มอบหมายให้พนักงานเจ้าหน้าที่จากสำนักสถานพยาบาลและการประกอบโรคศิลปะ และกองกฎหมาย ตรวจสอบข้อเท็จจริงกรณีดังกล่าวแล้ว โดยพบว่าคลินิกดังกล่าวนั้น ได้มีการขึ้นทะเบียนอย่างถูกต้องตามกฎหมาย แต่เพื่อเป็นการคุ้มครองผู้บริโภคและให้เกิดความกระจ่างชัดเป็นธรรมกับทั้ง 2 ฝ่าย พนักงานเจ้าหน้าที่ของกรม สบส.จะทำการลงพื้นที่ตรวจสอบข้อเท็จจริง โดยทำการเก็บตัวอย่างยาและเครื่องสำอางของคลินิกฯ ไปตรวจสอบและหากพบการกระทำความผิดจะได้พิจารณาดำเนินการตามกฎหมายต่อไป
นพ.ธเรศ กล่าวต่อไปว่า หากพบว่ายาและเครื่องสำอางที่คลินิกนำมาให้ บริการก่อให้เกิดอันตรายต่อผู้ที่อยู่ในคลินิกหรือประชาชนผู้รับบริการ ผู้ดำเนินการสถานพยาบาลจะถือว่ามีความผิดตามพ.ร.บ.สถานพยาบาล พ.ศ.2541 ฐานไม่ควบคุมและดูแลให้ผู้ประกอบวิชาชีพในสถานพยาบาลปฏิบัติหน้าที่ตามกฎหมาย ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 1 ปี หรือปรับไม่เกิน 20,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ รวมทั้ง กรม สบส.จะมีคำสั่งให้ผู้รับอนุญาตประกอบกิจการสถานพยาบาลแก้ไขปรับปรุงให้ถูกต้องเหมาะสมภายในระยะเวลาที่กำหนด แต่หากพบว่าไม่ปฏิบัติตามก็จะดำเนินการในขั้นต่อไป คือสั่งปิดคลินิกเป็นการชั่วคราว หรืออาจถึงขั้นเพิกถอนใบอนุญาตให้ประกอบกิจการสถานพยาบาล
ด้านทันตแพทย์อาคม ประดิษฐสุวรรณ รองอธิบดีกรม สบส. กล่าวต่อว่า การเสริมความงามทุกประเภทย่อมมีความเสี่ยงเฉพาะตัว อย่างกรณีข้างต้นหากมีการนำยาและเครื่องสำอางที่ไม่ได้ขึ้นทะเบียนกับสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) มาให้บริการ ก็อาจทำให้เกิดการแพ้ และเกิดพิษต่อร่างกาย ยิ่งเป็นผู้มีผิวบอบบางแพ้ง่ายก็อาจจะเกิดผล กระทบที่รุนแรงจนถึงขั้นเสียโฉมได้ จึงอยากขอเน้นย้ำให้ทุกคนพิจารณาอย่างถี่ถ้วน ทุกครั้งก่อนรับบริการต้องตรวจสอบหลักฐานการขึ้นทะเบียนของสถานพยาบาล แพทย์ รวมทั้ง ตรวจสอบฉลากยาและเครื่องสำอางว่าได้ขึ้นทะเบียนอย่างถูกต้องกับ อย.
โดยสามารถตรวจสอบหลักฐานต่างๆ ได้ด้วยตนเองผ่านสมาร์ทโฟน อาทิ ตรวจสอบชื่อสถานพยาบาลจากเว็บไซต์กรม สบส. (http://hss.moph.go.th ) ตรวจสอบรายชื่อแพทย์จากเว็บไซต์แพทยสภา (https://tmc.or.th) และตรวจสอบเลขทะเบียนยาและเครื่องสำอางจากเว็บไซต์ อย. (http://pca.fda.moph.go.th) ซึ่งสามารถรู้ผลได้ทันที
ทั้งนี้ ผู้ได้รับผลกระทบจากบริการทางการแพทย์ของโรงพยาบาลเอกชน/คลินิก ในเขตกรุงเทพฯสามารถแจ้งเรื่องร้องเรียนได้ที่ศูนย์รับเรื่องร้องเรียน กรม สบส.ทางหมายเลขโทรศัพท์ 02 193 7057 หรือเฟซบุ๊ก (Facebook) : ศูนย์รับเรื่องร้องเรียน สบส.กระทรวงสาธารณสุข หรือ E-mail : crmhss.moph@gmail.com และหากอยู่ในส่วนภูมิภาคสามารถแจ้งได้ที่สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดในพื้นที่ ตามวันและเวลาราชการ .-สำนักข่าวไทย